ฟื้นสัมพันธ์ ‘ไทย-ซาอุฯ’ ภารกิจสำคัญใน รบ.บิ๊กตู่

หลังมีประกาศอย่างเป็นทางการถึงกำหนดการเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูดมกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ทำให้เป็นที่จับตาของสังคมโลกอีกครั้ง ถึงการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุฯ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ที่หลายรัฐบาลของไทยพยายาม แต่ไม่สำเร็จ

หลังความสัมพันธ์ถูกลดระดับลงจนถึงปัจจุบัน จากคดีโจรกรรมเครื่องเพชรของราชวงศ์ไฟซาลแห่งซาอุดีอาระเบีย ในปี 2532 โดยลูกจ้างชาวไทยที่ทำงานในวังของ เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัดบิน อับดุล อะซิซ หรือที่ไทยเรียกว่า “คดีเพชรซาอุฯ” ซึ่งปัจจุบันยังมีเพชรจำนวนมาก รวมถึงเพชรล้ำค่าอย่างเพชรสีน้ำเงินที่ยังหาไม่พบ

ทั้งนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาการฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ฝ่ายไทยพยายามดำเนินการมาโดยตลอด และเริ่มมีพัฒนาการที่ดีมากขึ้นในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้เวลาหารือต่อเนื่องมาถึง 6 ปี นับตั้งแต่การพบหารือ 3 ฝ่าย ในช่วงการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9-10 ตุลาคม 2559 ที่กรุงเทพฯ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ เจ้าชายเคาะลีฟะฮ์ บิน ซัลมาน อัลเคาะลีฟะฮ์ นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรบาห์เรนในขณะนั้น และนายอาดิล บิน อะหมัด อัลณูบีร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียในขณะนั้น

จากนั้นวันที่ 28 มิถุนายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ได้พบกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บินอับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ในช่วงการประชุมผู้นำจี 20 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้ง 2 ฝ่าย ยังมีการพบหารือกันเป็นระยะเกี่ยวกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน โดย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียตามคำเชิญของ เจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อเดือนมกราคม 2563

และล่าสุดการเยือนของ พล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม ในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่าง 2 ประเทศ โดย พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการเข้าเฝ้าฯ และพบหารือกับเจ้าชายมุฮัมมัด บินซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด เพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้หอบคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปด้วย ทั้งฝ่ายต่างประเทศและฝ่ายเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายดอน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ซึ่งมี 3 ประเด็นที่น่าจับตาในการหารือครั้งนี้ คือ 1.การรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลไทย จะมีการส่งเอกอัครราชทูตไปประจำระหว่าง 2 ประเทศหรือไม่ 2.เรื่องการเปิดตลาดแรงงาน ที่จะมีการหารือระหว่างรัฐมนตรีแรงงาน ที่ต้องลุ้นข่าวดีว่าแรงงานไทยจะได้กลับไปทำงานที่ซาอุฯ อีกครั้งหรือไม่ หลังซาอุดีอาระเบียยกเลิกการทำวีซ่าทำงานคนไทย และประกาศเตือนคนในประเทศไม่ให้เดินทางมายังไทย ตั้งแต่ปี 2532

และ 3.ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งอาจรวมไปถึงเรื่องการท่องเที่ยวที่ไทยกำลังเปิดตลาดท่องเที่ยวอยู่ในขณะนี้ด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ในการเริ่มต้นทุกเรื่องจากผลการหารือครั้งนี้ จะต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อศึกษาหารือร่วมกัน และมีเรื่องคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันก่อนออกเดินทางว่า การเดินทางไปซาอุฯ ครั้งนี้จะเป็นการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ช่วยให้เกิดความเชื่อมั่น และเพิ่มสัมพันธภาพที่ดีต่อกันระหว่างรัฐและประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และคงต้องรอฟังข่าวดีจากผลการหารือในครั้งนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศึก“วางคน-วางเกม”รับมือ สะท้อนผ่านวอรูม“เมียนมา”

ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางหลังจาก นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา

‘บิ๊กโจ๊ก’ดิ้นสู้หัวชนฝา ยื้อแผน‘ฆ่าให้ตาย’

ความเคลื่อนไหวของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เที่ยวล่าสุด ถือเป็นการเขย่าวงการการเมือง ตำรวจ และองค์กรอิสระ