เผาแล้ว! มวลชน 3 นิ้วจุดไฟต้านคำวินิจฉัย 'ล้มล้างการปกครอง'

10 พ.ย.2564 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณทางขึ้นฝั่งทิศเหนือศาลรัฐธรรมนูญ อาคาราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารเอ) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย การปราศัยของนายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำราษฎร เมื่อวัน 10 ส.ค. 2563 ว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 3 เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยกระทำกันเป็นเครือข่าย ขบวนการอย่างต่อเนื่อง และศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ผู้ถูกร้องทั้ง 3 คนและกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกกระทำการดังกล่าว

มวลชนที่เข้าร่วมรับฟังไม่พอใจได้โปรยกระดาษข้อความ "ยกเลิก 112 ก้าวแรกสู่การปฏิรูปสถาบัน" และ "ปฎิรูปตุลาการ" เกลื่อนบริเวณ จากนั้นกลุ่มมวลชนจำนวนหนึ่งที่อารมณ์ค้าง โดยมีการนำอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจำลองมาวางหน้าเสาธงธาติราดน้ำมันก่อนจุดไฟเผา เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล และยังคงตะโกนด่าทอศาลรัฐธรรมนูญด้วนคำหยาบคาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เกรงว่าสถานการณ์จะบานปลาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วันนอร์' แนะเดินตามแนวรบ.ทำประชามติ3รอบก่อนแก้รธน. จะปลอดภัย แม้เสียเวลา-งบฯ

'วันนอร์' แนะเดินตามแนว รัฐบาล ชงทำประชามติ3รอบก่อนแก้รธน. เป็นทางปลอดภัย แม้เสียเวลา-งบประมาณ แต่ถ้า2รอบอาจขัดคำวินิจฉัยศาลฯ หวั่นแก้ไขไปก่อนถูกตีตก แย้มถกร่างแก้ไขฯได้ในสมัยวิสามัญได้ ชี้หากเสนอใหม่ สาระ-สถานการณ์จะเปลี่ยน

'ไอติม' เผยก้าวไกลมีแผนรองรับทุกสถานการณ์ หลังกกต.ชงศาลรธน.ยุบพรรค

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องคดียุบพรรคก้าวไกลให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ว่า ขั้นตอนต่อไปคงต้องรอพรุ่งนี้

ธีรยุทธ ผู้ร้องคดีต่อ กกต. ศาล รธน.ไต่สวน-จบเร็ว นับถอยหลังยุบ'ก้าวไกล'

จากมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ให้ส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบ "พรรคก้าวไกล" เนื่องจากมีหลักฐานเชื่อได้ว่ากระทำการล้มล้างการปกครอง

'ชัยธวัช' ยังปากดี! บอกยุบก้าวไกลระวังเป็นเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันด้านกลับ

'ชัยธวัช'รับ อาจสู้ยากกว่าคดีอื่น แต่จะสู้เต็มที่ เพื่อให้ศาล รธน. เปิดการไต่สวนคดี เหตุ 'ก้าวไกล' ควรได้แจงข้อเท็จจริง ชี้หากถูกยุบ ไม่ใช่เรื่องต้องทำใจ กลับกลายเป็นการ 'เซาะกร่อนบ่อนทำลาย' สถาบันเอง