สกสค.ตั้งกก.2ชุดสืบโกงมหากาพย์ "ตั๋วสัญญาใช้เงิน2พันล้าน -ร่วมทุนหนองคายน่าอยู่" 


เพิ่มเพื่อน    

17ก.พ.64-นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาฯ สกสค.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้ลงนามในคำสั่งสำนักงาน สกสค. จำนวน 2 ฉบับ คือ 1.คำสั่งสำนักงาน สกสค. ที่ 37/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ระบุว่า ด้วยปรากฏข้อเท็จจริง ว่า สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. โดยคณะกรรมการบริหารเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. อนุมัติให้นำเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการงินกู้ ช.พ.ค. จำนวน 500 ล้านบาท จำนวน 2,100 ล้านบาทและจำนวน 400 ล้านบาท ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน กับบริษัทบิลเลี่ยนอินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ได้รับความเสียหาย เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงประกอบการดำเนินการทางกฎหมายในภาพรวมของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยให้นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย รมว.ศธ.) เป็นประธาน และให้คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งมีหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมเอกสารหลักฐาน รวมทั้งบันทึกถ้อยคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในเรื่องนี้ แล้วสรุปผลการดำเนินการเสนอต่อ ตนเพื่อพิจารณาต่อไป

 

นายธนพร กล่าวต่อว่า 2.คำสั่งสำนักงาน สกสค. ที่ 37/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ระบุว่า ด้วยปรากฏข้อเท็จจริง ว่า สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. โดยคณะกรรมการบริหารเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. อนุมัติให้นำเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. จำนวน 800 ล้านบาท ร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนของบริษัทหนองคายน่าอยู่ จำกัด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ได้รับความเสียหาย เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงประกอบการดำเนินการทางกฎหมายในภาพรวมของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 71 แห่ง พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยมี นายไกรวิชญ์ ภัทรพงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาพระโขนง 3 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นประธาน และให้คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งมีหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมเอกสารหลักฐาน รวมทั้งบันทึกถ้อยคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในเรื่องนี้ แล้วสรุปผลการดำเนินการเสนอต่อตนเพื่อพิจารณาต่อไป

 

“โดยกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริง ทั้ง 2 เรื่อง จะเสร็จสิ้นภายใน 30 วัน และเรื่องการทุจริตมหากาพย์จะต้องจบลงให้ได้ สังคมต้องได้รับคำตอบ ผู้กระทำความผิดต้องได้รับโทษ และเงินของครูที่ถูกนำไปดำเนินการจะต้องนำมาคืน โดยวิธีการใด วิธีการหนึ่งตามกฎหมาย ซึ่งในส่วนของการร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนของบริษัทหนองคายน่าอยู่ จำกัดนั้น ที่ผ่านมาเท่าที่ผมทราบข้อมูลในเบื้องต้นยังไม่มีการดำเนินการในเรื่องใดเลย อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด จะสามารถหาข้อมูลที่จะเชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 2 โครงการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นบุคคลภายนอกหรือภายในสำนักงาน สกสค. เพื่อรับโทษได้”เลขาฯ สกสค.กล่าว
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"