'ษิทรา' ให้ปากคำป.ป.ช. คดีไบโอแมทริกซ์-รถตรวจการไฟฟ้า


เพิ่มเพื่อน    

9 ม.ค.63 - ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อประชาชนและสังคม เดินทางเข้าให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. กรณีที่ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องไบโอแมทริกซ์ และรถตรวจการไฟฟ้าของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วงเงิน 2,100 ล้านบาท

โดยนายษิทรา กล่าวว่าได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 ให้มีการตรวจสอบโครงการไบโอแมทริคซ์ โดย ป.ป.ช. ได้มีหนังสือแจ้งให้ตนเข้าให้ปากคำในวันนี้ (9ม.ค.) พร้อมให้ระบุตัวบุคคลที่ต้องการจะให้สอบสวน ซึ่งตนได้นำเอกสารหลักฐานรายงานการใช้งานเครื่องไบโอแมทริคซ์ จากเจ้าหน้าที่ ตม.จังหวัดต่างๆ เช่น  เชียงใหม่ ตาก เชียงแสน ชลบุรี ซึ่งทั้งหมดพบว่าระบบมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้ตามคุณสมบัติที่ระบุไว้ในทีโออาร์ และรายงานปัญหาดังกล่าวไปยังบริษัทคู่สัญญา แต่ไม่ได้มีการแก้ไขใดๆ

นอกจากนี้ในการส่งมอบงานบางงวดเอกชนยังไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนดนัด แต่สตช.เซ็นตรวจรับงานให้ก่อน เพื่อไม่ให้เอกชนเสียเงินค่าปรับวันละ 5 ล้านบาท รวมถึงกรณีรถตรวจการไฟฟ้าที่จัดซื้อในราคาคันละ 4 ล้านบาท ที่อาจใช้งานได้ไม่คุ้มค่าและไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟได้โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่อาจมีปัญหาสัญญาณอ่อน

นายษิทรา กล่าวว่า ตนจึงขอให้ป.ป.ช.เรียกสอบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ติณภัทร ภุมรินทร์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ซึ่ง 2 คนนี้เกี่ยวข้องในฐานะผู้อนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าว รวมทั้ง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ  พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ในฐานะเป็นผู้ตรวจรับงานโครงการและเป็นผู้ขยายสัญญาให้กับเอกชน โดยเฉพาะพล.ต.ต.สุรพงษ์ ซึ่งย้ายมาจากตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อมาตรวจรับงาน งวดที่ 6 โดยเฉพาะ

นายษิทรา กล่าวอีกว่า ยังขอยื่นเอกสารเพิ่มรายชื่อในบัญชีพยานเป็น 13 ปาก เพิ่มเติมจากที่ก่อนหน้านี้มีเพียง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เพื่อขอให้ป.ป.ช.เรียกมาไต่สวนข้อมูลเพิ่มเติมโดยทั้ง 13 คนประกอบไปด้วยนายตำรวจระดับนายพล 2 คน ระดับนายพัน 10 คน และชั้นประทวน 1 คนโดยทั้งหมดเป็นตำรวจที่เคยเกี่ยวข้องกับการตรวจรับงานโครงการไบโอแมทริกซ์ แต่พบความไม่ชอบมาพากล จึงไม่ได้เซ็นอนุมัติการตรวจรับ และต่อมาตำรวจทั้ง 13 คนถูกย้าย ไปประจำการในตำแหน่งอื่น

“ขอยกตัวอย่างปัญหาการทำงานของเครื่องไบโอแมทริกซ์ ในคดีเสี่ยท๊อปกำมะลอ หรือนายธนณัฎฐ์ สิริปิยพร  ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  ออกมาให้ข่าวว่าเป็นผลงานของเครื่องไบโอแมทริคซ์  แต่จากข้อมูลเชิงลึกที่ผมตรวจสอบพบว่าฮ่องกงได้ประสานแจ้งข้อมูลมายังทางการไทย ว่า เสี่ยท็อปจะเดินทางกลับในวันดังกล่าว  เจ้าหน้าที่เห็นและจำหน้าได้จึงเอาหมายจับไปแสดงก่อนจะพาเสี่ยท๊อปเข้าเครื่องไบโอแมทริกซ์  ซึ่งต้องเดินผ่านเครื่องถึง 3 ครั้ง เครื่องจึงอ่านข้อมูลว่าเป็นเสี่ยท็อป”นายษิทรากล่าว

ต่อมานายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อประชาชนและสังคม  เปิดเผยภายหลังเดินทางเข้าให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.  กรณียื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องไบโอแมทริคซ์  และรถตรวจการไฟฟ้า ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  วงเงิน 2,100 ล้านบาท  ซึ่งได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว  โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง

นายษิทรา เปิดเผยว่า ตนได้เข้าให้ถ้อยคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวน  ตามที่ได้ยื่นร้องเรียน และยื่นรายชื่อพยานเพิ่มเติม หลังจากนี้ ป.ป.ช. จะทยอยเรียกสอบปากคำพยาน เริ่มจากวันพรุ่งนี้ (10 ม.ค.) เวลา 09.30 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  หักพาล จะเข้าให้ปากคำเป็นพยานปากแรก และจะมาพร้อมอดีตรองผู้บัญชาการ  สตม. คนที่ไม่ยอมเช็นต์รับมอบโครงการจนถูกย้าย  ส่วนพยานคนอื่นๆจะทยอยเรียกมาให้ข้อมูลจนครบทั้ง 13 คน  

นายษิทรา กล่าวว่า อย่างไรก็ตามทราบว่าที่ผ่านมา ป.ป.ช. เรียกเอกสารจากสำนักงานส่งกำลังบำรุง และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องไปมากพอสมควรแล้ว โดยสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่สุ่มตรวจการใช้งานเครื่องไบโอแมสทริคซ์ ทั้งนี้หากการไต่สวนพบว่ามีมูลก็เชื่อว่า ป.ป.ช.ก็จะเรียกผู้ถูกร้องทั้ง 4 คน รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาชี้แจง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"