ตำรวจรวบแล้วแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 5 รายสร้างความเสียหายกว่า 14 ล้าน

"ตำรวจ PCT”โชว์ผลงาน รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 5 รายจาก 8 รายที่ถูกออกหมายจับได้แล้ว มีมูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท

27 ต.ค.2564 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.สถิตย์ พรหมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊ง Call center 5 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากถูกคนร้ายโทรศัพท์เข้ามาหลอกว่า ผู้เสียหายมีส่วนร่วมกับคดีค้ายาเสพติดและฟอกเงิน ถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดีให้โอนเงินมายังบัญชีธนาคารของคนร้าย ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไป มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 14 ล้านบาท จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการเทคนิคและสืบสวนที่ 1 PCT สืบสวนสอบสวนจนพบว่าเครือข่ายแก๊ง Call center แบ่งหน้าที่กันเป็น 5 กลุ่ม 1. คนร้ายระดับสั่งการ จำนวน 2 ราย 2. คนร้ายทำหน้าที่เป็นม้าถอนเงิน จำนวน 2 ราย 3. คนร้ายทำหน้าที่จัดการทางการเงินหรือ โพยก๊วน จำนวน 1 ราย 4. คนร้ายทำหน้าที่จัดหาบัญชีและเปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 4 ราย และ 5. คนร้ายที่ติดต่อหลอกลวงผู้เสียหาย อยู่ระหว่างสืบสวน น่าเชื่อว่าตั้งอยู่ต่างประเทศ
จากนั้นจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ สน.พญาไท ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุรับคำร้องทุกข์ ดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งศาลอาญา ได้อนุมัติหมายจับคนร้ายจำนวน 8 ราย จับกุมได้แล้ว 5 ราย ส่วนที่เหลือจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว

“จากการตรวจค้นพบบัตรอิเลกทรอนิกส์ จำนวน 32 ใบ, เครื่องบันทึกข้อมูล Chip Card จำนวน 1 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง โดยผู้ต้องหาแต่ละคนรับว่าตนเองมีหน้าที่ตามคำสั่งของหัวหน้า เช่น ให้ไปถอนเงินจากบัญชี ให้จัดหาบัญชี ให้ฝากเงินไปยังบัญชีอื่นๆต่อ โดยผู้ต้องหาจะได้รับส่วนแบ่งจากเงินที่ถอนออกมา 2 – 3 % แล้วแต่หน้าที่ เจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 1 จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป”

ผอ.ศูนย์ PCT กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งมีการหลอกลวงประชาชนโดยใช้ Social Media เป็นจำนวนมาก ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยเร่งระดมปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้ ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ถือเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน หลังจากนี้จะได้แจ้ง ปปง. ให้ตรวจสอบเพื่อยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องและดำเนินคดีฐานฟอกเงินต่อไป หากพบเบาะแส หรือเกรงจะตกเป็นเหยื่อ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ สายด่วน PCT 1599 ตลอด 24 ชม. หรือสายตรง 081-8663000 หรือ www.pct.police.go.th

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จนท.ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กว่า 6 พันชิ้น ซุกริมแม่น้ำโขง

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)และกรมศุลกากร ภายใต้อำนวยการพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรม

'ผกก.เตาปูน' เบรกลาออก ลุยต่องานหินคดี '2 บิ๊กตร.' จนจบเกษียณ

ผกก.เตาปูน ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง คาดทนกระแสกดดันจากการทำคดีโยง 2 บิ๊กตำรวจไม่ไหว  ขณะที่ ผบก.น.2 เรียกตัวคุยสาเหตุ จนสุดท้ายเปลี่ยนใจเดินหน้าทำงานต่อจนจบเกษียณอายุราชการปีนี้

'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฟัน 'นครบาล' บี้ สน.เตาปูน ยุติสอบ โอนคดีไป ปปช.

ทนาย 'บิ๊กโจ๊ก' บุก สน.เตาปูน พบพนักงานสอบสวน ให้ยุติสอบคดีเว็บพนันบีเอ็นเค รวบรวมสำนวนส่ง ป.ป.ช. โวยทำไมยังออกหมายเรียก 'รอง ผบ.ตร.' จ่อฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฟันยกชุด

'บิ๊กโจ๊ก' ชิ่งหมายเรียก ลายาวบินอังกฤษ กลับ 1 เม.ย.

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกครั้งที่ 2 คดีเว็บพนันบีเอ็นเคว่า

'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก'รายงานตัว สปน.แล้วลั่นพร้อมมาทำงานทุกวัน!

'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก เข้า สปน.รายงานตัว หลังถูกเด้ง 'ผบ.ตร.' ยัน ไม่เครียด รู้มานานแล้ว ลั่นโรงละครของเราเลิก เก็บฉากหอบเสื่อกลับบ้าน ขณะ 'สุรเชษฐ์' ยิ้มรับกลับบ้านเก่า บอกเคยอยู่มา 2 ปี