‘ชัชชาติ’พบบิ๊กตู่สุดชื่นมื่น

“ชัชชาติ” พบ “บิ๊กตู่” แล้ว  บรรยากาศสุดชื่นมื่น นายกฯ เป็นไกด์ทัวร์พาชมทำเนียบรัฐบาล ผู้ว่าฯ กทม.หัวเราะลั่นไม่คิดเรื่องถูกคุมตัวตอนรัฐประหารแล้ว บอกมุ่งหน้าทำงานเพื่ออนาคต คราวหน้าลงพื้นที่เมืองกรุงพร้อมกันแน่ ส่วนที่เบี้ยวงานท่าเรือสาทรเพราะไม่ได้รับแจ้ง! ย้ำ 1 เดือนแจงคืบหน้าสายสีเขียว

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 มิ.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 9/2565 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ โดยก่อนการประชุม  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้นำนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เข้าพบนายกฯ ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี หลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เข้าร่วมด้วย ใช้เวลาหารือ 20 นาที

โดยบรรยากาศพูดคุยเป็นไปอย่างเป็นกันเอง นายกฯ ได้มอบของที่ระลึกให้นายชัชชาติและนายปรเมศวร์ เป็นเหรียญที่ระลึกสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี ของกรมธนารักษ์ และสมุดบันทึก  พร้อมถ่ายภาพร่วมกัน ก่อนที่นายกฯ จะเชิญทุกคนเข้าห้องประชุม ศบค. และทันทีที่เข้าห้องประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวต้อนรับนายชัชชาติและนายปรเมศวร์ ซึ่งทั้ง 2 คนได้ลุกขึ้นสวัสดีทุกคนในห้อง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังนำปรบมือต้อนรับอย่างเป็นทางการ

ภายหลังการประชุม ศบค. นายกฯ ได้เชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข, พล.อ.อนุพงษ์, นายชัชชาติและนายปรเมศวร์ ร่วมแถลงข่าว ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจจำนวนมาก โดยทันทีที่ถึงโพเดียม นายกฯ ได้หันไปบอกนายชัชชาติว่า เห็นไหมวันนี้สื่อมวลชนเยอะเป็นพิเศษ นายชัชชาติจึงกล่าวตอบว่า ครับเพราะเป็นเรื่องสำคัญ

ทั้งนี้ ภายหลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้นนายกฯ ได้กล่าวขอบคุณทั้ง 2 คน และปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมโบกมือและเชิญนายชัชชาติและนายปรเมศวร์เยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า ตึกภักดีบดินทร์ และบริเวณโดยรอบอย่างอารมณ์ดี โดยระบุว่า วันนี้ทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยว และกล่าวด้วยว่า “เราก็พี่น้องกันทั้งนั้น ยังเคยเจอกันหลายงาน อย่างเช่นตอนน้ำท่วมก็เคยเจอ ไปช่วยกันแก้ปัญหา” ขณะที่นายชัชชาติกล่าวตอบรับว่า “ขอบคุณครับ ทำงานเพื่ออนาคตครับท่าน”

ทั้งนี้ ระหว่างนายกฯ พานายชัชชาติ และนายปรเมศวร์เยี่ยมชมทำเนียบฯ ได้มีการถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายกฯ ได้จับมือกับนายชัชชาติและนายปรเมศวร์อย่างแนบแน่นด้วย

ภายหลังเยี่ยมชมทำเนียบฯ นายชัชชาติได้เข้าไปพูดคุยและทักทายกับบรรดาข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ ระบุว่า "ดีใจได้มาเจอคนเก่าๆ ที่คุ้นเคย 8 ปีเปลี่ยนไปเยอะ" พร้อมถ่ายภาพกับข้าราชการ

ต่อมานายชัชชาติให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯ ได้แสดงความยินดีกับตนเองและนายปรเมศวร์ โดยขอให้ร่วมมือกันทำงาน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งเคยเจอนายกฯ เมื่อนานมาแล้ว เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา ท่านขอให้เน้นการทำงานและประสานงานร่วมกัน โดย กทม.ต้องร่วมงานกับรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย

เมื่อถามว่าได้เคลียร์ใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีการเชิญตัวไปพูดคุยสมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) เมื่อ 8 ปีที่แล้วหรือไม่ นายชัชชาติหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ไม่มีๆ ไม่ได้คิด ตอนนี้ต้องมองไปอนาคต ทำงานร่วมกัน หน้าที่เราทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนให้ดีที่สุด ถ้าร่วมมือกันทำงานด้วยดี สุดท้ายประโยชน์ตกอยู่ที่ประชาชน

เมื่อถามว่า นายกฯ และผู้ว่าฯ กทม. จะลงพื้นที่ร่วมกันหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า แน่นอน และที่พูดคุยกับนายกฯ ได้แจ้งสาเหตุที่ไม่ได้ไปร่วมงานที่ท่าเรือสาทร เพราะไม่ได้รับแจ้งจริงๆ และในอนาคตหากต้องการให้ไปร่วมงาน พร้อมจะไปพบและต้อนรับนายกฯ เพื่อพูดคุยและถือโอกาสนำปัญหาต่างๆ ไปแจ้งให้ทราบด้วย และเป็นเรื่องดีที่จะได้ลงพื้นที่ร่วมกัน จะได้เห็นปัญหาและเข้าใจประชาชนมากขึ้น

เมื่อถามว่าได้พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เพราะปลัด กทม.และกระทรวงคมนาคมจะพูดคุยร่วมกันในรูปของคณะทำงาน ส่วนตัวเลขการเงิน กทม.มีคณะทำงานศึกษาละเอียดอยู่แล้ว เมื่อศึกษาวิเคราะห์แล้วจะนำไปหารือกับสภา กทม.ว่าควรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ แต่คิดว่าควรรีบทำ และใช้เวลาไม่นาน เบื้องต้นให้เวลาภายใน 1 เดือนต้องคืบหน้า และนำมารายงานให้ประชาชนทราบ

ถามว่าต้องรื้อสัญญาสัมปทานฉบับเดิมหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า มีสัญญาหลายฉบับ ถ้าจะรื้อต้องไปดูว่าควรจะรื้ออย่างไร ส่วนสัญญาที่จะทำในอนาคตยังไม่มีอะไร เพราะยังไม่เริ่มทำ ส่วนแผนสำรองนั้น กทม.มีหน้าที่เสนอความคิดเห็น และต้องหารือกับกระทรวงมหาดไทยก่อน และเรื่องนี้ต้องไปสิ้นสุดที่ ครม.อยู่แล้ว คิดว่าทุกคนช่วยกันแก้ปัญหา ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง และทุกอย่างต้องอธิบายได้

ถามว่า นอกจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้ว กทม.ยังมีปัญหาเรื่องรถดับเพลิงที่จอดทิ้งโดยไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ นายชัชชาติกล่าวว่า เรื่องพวกนี้ต้องค่อยๆสะสางไป ส่วนเรื่องที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง ในกระบวนการของศาล กทม.ทำอะไรไม่ได้ ต้องรอศาลมีคำสั่ง ตอนนี้มีเรื่องค้างคาหลายเรื่อง เช่น ท่อร้อยสาย โรงกำจัดขยะ ที่มีคณะทำงานดำเนินการอยู่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง