เพลิงเผา‘สำเพ็ง’สังเวย3เจ็บ9

สลด! ไฟไหม้ย่านสำเพ็งดับ 3 ศพ เจ็บ 9 ราย เหตุหม้อแปลงระเบิด ตึกวอด 4 คูหา เผารถ 7 คัน  เสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เจ้าของกิจการเผยสายไฟเก่าชำรุดบ่อย จ่อฟ้องการไฟฟ้าฯ ชดใช้ เขตสัมพันธวงศ์ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย "ชัชชาติ" ลงพื้นที่รับบทเรียนราคาแพง สั่งล้อมคอกป้องเกิดเหตุซ้ำ

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เวลา 11.30 น. พ.ต.ท.พลวรรษ พรหมศร สารวัตร (สอบสวน) สน.จักรวรรดิ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสำลักควันไฟ ภายในบริษัท ราชวงศ์รุ่งเรือง จำกัด เลขที่ 157 ถนนราชวงศ์ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. จึงประสานรถดับเพลิงของอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย 20 คันรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นรวมดาดฟ้า  ประกอบกิจการขายกระเป๋าผ้า ถุงพลาสติก ถุงกระดาษ  กล่องใส่สินค้าสำเร็จรูป ตั้งอยู่ริมถนนใจกลางย่านธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกสำเพ็ง เจ้าหน้าที่พบกลุ่มควันและเปลวเพลิงพวยพุ่งจากหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าอาคาร ก่อนลุกลามเข้าสู่ภายในอาคารชั้นที่ 2 และชั้นล่าง  ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้าที่มีลักษณะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงโหมกระหน่ำสร้างความเสียหายไปทั้งตึก นอกจากนั้นไฟยังลามสร้างความเสียหายอาคารข้างเคียงอีก 3  คูหาอย่างรวดเร็ว โดยรถยนต์ของชาวบ้านที่จอดอยู่ด้านหน้าอาคารถูกเพลิงเผาไปด้วย 2 คัน คือรถเก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นอีคาร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ธท 4476 กทม.  และรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีบรอนซ์เงิน  ทะเบียน ษษ 1179 กทม.

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันวางหัวฉีดน้ำเข้าทำการสกัดกั้นไว้ทุกด้านจำนวน 20 หัว รวมถึงมีการขอสนับสนุนรถกระเช้าจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร มาช่วยระดมฉีดอีก 1 คัน ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ มีชาวบ้านและอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยสำลักควันไฟและได้รับบาดเจ็บรวม 9  ราย ถูกแยกนำตัวส่ง รพ.กลางและ รพ.หัวเฉียวไปก่อนหน้านี้

จากการสอบสวน น.ส.จิตรา อัฐใจ อายุ 34 ปี  ลูกจ้างร้านขายถุงพลาสติกซึ่งหนีตายออกจากอาคารได้อย่างหวุดหวิด ให้การว่าก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 11.00  น. มีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ มาตรวจสอบและซ่อมแซมสายไฟบริเวณดังกล่าว ซึ่งพาดขนานไปกับตัวอาคารบริเวณชั้น 2 ของร้านค้าในละแวกเดียวกันนี้ กระทั่งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ เดินทางกลับไป ตนและผู้ค้าอีกหลายคนสังเกตเห็นว่าบริเวณสายไฟที่หน้าร้านตนเกิดเสียงดังคล้ายไฟชอร์ตกัน สักพักมีของเหลวไหลทะลักออกมาจากหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บริเวณหน้าร้าน ก่อนจะมีเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ทำให้ต้องรีบวิ่งข้ามถนนหนีตายไปอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยยังไม่ทราบชะตากรรมเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน เป็นชาย 1 คนและหญิง 1 คนซึ่งกำลังทำงานอยู่ในตึก

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รับการยืนยัน ว่าพบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 2 รายติดอยู่ภายในอาคาร

จากนั้นเวลา 13.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางจราจรบริเวณใต้สะพานสี่แยกหนองแขมว่า ได้มอบหมาย พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ลงพื้นที่ไปแล้ว ก่อนหน้านี้เคยกำชับให้ทุกเขตเข้มงวดกับเรื่องระบบสายไฟฟ้าเก่า สายไฟใช้แล้วทั้งพื้นที่ทั่วไปและตามชุมชน ทั้งนี้เป็นเรื่องน่าเสียใจที่พบผู้เสียชีวิต นี่จึงเป็นจุดสำคัญของพื้นที่ บ้านเรือน อาคารสูง  เพราะเมื่อมีเหตุเพลิงไหม้คนมักจะวิ่งหนีขึ้นชั้นบน พอไปถึงอาจจะหาทางออกไม่ได้ ซึ่งจะให้สำนักงานเขตให้ความรู้ประชาชน ออกมาตรการเพื่อให้ทุกบ้านเรือนช่วยกันตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน โดย กทม.จะออกคู่มือสำหรับประชาชนในการหนีไฟ

ด้าน พล.ต.อ.อดิศร์ พร้อมด้วย น.ส.อาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากนั้นสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย โดย น.ส.อาทิตยาเปิดเผยว่า สาเหตุมาจากหม้อแปลงระเบิดจนเกิดไฟลุกไหม้ ประกอบกับมีลมแรงพัดไปติดอาคารข้างเคียง รวมทั้งมีถังแก๊สของร้านขายอาหารตามสั่งตั้งอยู่จึงทำให้เกิดการระเบิดรุนแรง

ขณะที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ เข้าตรวจสอบพื้นที่และทำการตัดไฟบริเวณดังกล่าว จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบอาคารพาณิชย์เสียหาย 4 คูหา รถเสียหาย 7 คัน เป็นรถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน ผู้บาดเจ็บ 6 คนจากการสำลักควัน เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว 4  คน และโรงพยาบาลกลาง 2 คน ส่วนผู้เสียชีวิต 1 ราย  เป็นพ่อค้าที่ขายของอยู่หน้าอาคารพาณิชย์ ถูกแรงระเบิดจนกระเด็นเข้าไปในบ้าน

ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.ท.พลวรรษ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้ทำการกู้ศพผู้เสียชีวิตจำนวน 2 รายซึ่งติดอยู่ภายในอาคาร รายแรกอยู่ที่ชั้นล่างด้านหลังตัวอาคาร  ส่วนรายที่ 2 ติดอยู่ตรงทางขึ้นบันไดระหว่างชั้นที่ 2 กับชั้นที่ 3 ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายได้ เนื่องจากสภาพศพถูกพลาสติกที่มีเป็นจำนวนมากหลอมละลายห่อหุ้มร่างเอาไว้ทั้งหมด จึงมอบร่างให้แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ ชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าทั้ง 2 รายคือ  น.ส.จิราพัช สุ่มมาก อายุ 52 ปี พนักงานแคชเชียร์ของร้าน  และนายเพชร เดือม อายุ 34 ปี สัญชาติเมียนมา ลูกจ้างของร้านที่สูญหายไปไม่สามารถติดต่อได้หลังเกิดเหตุ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ปิดอาคารดังกล่าวห้ามเข้าออกเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย

ล่าสุด มีรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย อยู่ด้านหลังอาคาร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า เจ้าของอาคารให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนถึงมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นน่าจะไม่ต่ำกว่า 10  ล้านบาท ส่วนเรื่องหม้อแปลงไฟฟ้าและสายไฟที่มักมีการชำรุดบ่อยครั้ง ที่ผ่านมาได้แจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ มาซ่อมแซมเป็นประจำ ซึ่งเจ้าของอาคารและเจ้าของกิจการที่ได้รับความเสียหายอาจปรึกษานักกฎหมายเพื่อดำเนินการฟ้องร้องให้การไฟฟ้าฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผิดชอบกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย

จากนั้นเวลา 16.30 น. นายชัชชาติได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต พร้อมระบุว่า ตลาดสำเพ็งเป็นแหล่งการค้าสำคัญ ถือเป็นบทเรียนราคาแพง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าตัวอาคารบางจุดทรุดตัว หลังจากนี้จะเรียกเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ  และ กทม.ช่วยกันหารือป้องกันไม่ให้เกิดเพลิงไหม้ซ้ำ หนึ่งในนั้นคือเรื่องการจัดระเบียบสายไฟและทางหนีไฟ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานการเกิดเหตุเพลิงไหม้ย่านตลาดสำเพ็งแล้ว ซึ่งนายกฯ เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ขอให้ระมัดระวังอย่าให้เกิดความสูญเสีย พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ  โดยเฉพาะโครงสร้างของอาคารและความเสียหายอื่นๆ ขอให้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมเร่งเยียวยา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง