คุก2ปีเทพไท/เคาะซักฟอก4วัน

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำคุก "เทพไท" และน้องชายคนละ 2 ปี ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ออกหมายขังส่งคุกทันที จบคดีประวัติศาสตร์โกงเลือกตั้งนายก อบจ.เมืองคอนเมื่อปี 2557 วิป 3 ฝ่ายเคาะซักฟอก 4 วัน บวกลงมติอีก 1 เริ่ม 19 ก.ค. ฝ่ายค้านพอใจได้ 45 ชม.

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ที่ห้องพิจารณาบัลลังก์ 9 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาฎีกา คดีหมายเลขดำที่ 174/2562 หมายเลขแดงที่ 485/2563 ซึ่งมีนายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นน้องชายของนายชิณวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช  เป็นโจทก์ และนายมาโนช เสนพงศ์ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นพี่น้องกันได้เดินทางมาถึงศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชในเวลา 09.15 น. ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้าอัลพาร์ท สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ข-4480 ปทุมธานี ท่ามกลางกองเชียร์ที่อยู่ด้านหน้าศาลจำนวนมาก ก่อนที่จำเลยทั้งสองจะเดินขึ้นไปบนศาลเข้าบัลลังก์ 9 เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

ก่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ทางตำรวจศาลได้ใส่กุญแจมือจำเลยทั้งสองคนก่อนอ่านคำพิพากษา ซึ่งศาลฎีกาได้ใช้เวลาอ่านพิพากษา 30 นาที และศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 2 ปี และตัดสิทธิ์ทางการเมืองคนละ 10 ปี

สำหรับจุดเริ่มต้นคดีนี้ เริ่มมาจากการทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 ซึ่งมีการแข่งขันอย่างเข้มข้นระหว่างนายพิชัยกับนายมาโนช จนผลการเลือกตั้งนายมาโนชชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ทำให้นายพิชัยได้เข้าร้องกับทาง กกต.ว่านายมาโนชและนายเทพไททำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง โดยมีการจัดเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราชเมื่อปี 2556 ก่อนที่จะถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่งให้ใบแดงนายมาโนช

หลังจากนั้น กกต.เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายมาโนชและนายเทพไท แต่ภายหลังคดีล่าช้าในกระบวนการชั้นพนักงานสอบสวน จนถึงชั้นอัยการ นายพิชัยจึงตัดสินยื่นฟ้องคดีด้วยตัวเอง

นายพิชัยให้สัมภาษณ์หลังมีคำพิพากษาว่า ขอขอบคุณศาลฎีกาที่ให้ความเที่ยงธรรม ซึ่งศาลฎีกาได้เขียนคำพิพากษาสอดคล้องต้องกันกับศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 8 และเหตุผลของศาลฎีกาล้วนแต่เป็นบรรทัดฐานในการเลือกตั้งอื่นๆ ด้วย ซึ่งถ้านักการเมืองมีความสุจริต มีจรรยาบรรณใกล้เคียงกับสถาบันตุลาการ เมืองไทยเราจะเจริญขึ้นมากเพราะฉะนั้นวันนี้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น และต้องขอบคุณรัฐบาลด้วยที่ได้ปรับปรุงกฎหมายของ กกต.และ กม.ลูกของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับปราบโกง สามารถพิสูจน์และก็สามารถจับคนที่ทำผิดได้จริง และผู้ที่จะเป็นนักการเมืองน้ำดีต่อไปและมีกฎหมายคุ้มครอง

"ผมคิดว่าเราจะได้มีมันสมอง นักการเมืองน้ำดีเข้าไปบริหารประเทศเกิดความสุข และที่สำคัญก็คือว่าการพิสูจน์วันนี้ ซึ่งช่วงต้นผมก็ถูกโจมตีว่าขี้แพ้ชวนตี แต่ว่าผมไม่ได้ขี้แพ้ชวนตี แต่ผมมองว่าจะขอพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม ประกอบกับนครศรีธรรมราชของเราเคยถูกตราว่าเป็นเมืองเถื่อน วันนี้เรายกระดับเมืองนครศรีธรรมราชแล้ว ถ้าเรามีอะไรไม่มั่นใจเราก็เชื่อในกระบวนการยุติธรรม"

นายพิชัยบอกว่า ก่อนถึงวันพิพากษาศาลฎีกา ข่าวก็ออกมา ตนไม่สบายใจเหมือนกัน ข่าวออกมาไม่ค่อยดี แต่วันนี้หลังคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วทำให้สบายใจแล้ว แสดงให้เห็นว่าศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา คนที่คิดในเชิงว่าวิ่งคดีหรือทำไม่ดีไม่ร้ายกับศาล ที่เขาบอกว่ามีเงินมากไปทำอะไรกับศาลได้ แต่วันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าตนได้ยืนในระบบประชาธิปไตย และเคารพกฎหมายและยืนอยู่ในความสุจริต ซึ่งตรงกับหลายพรรคการเมือง ซึ่งนายชวนก็เคยพูดว่านักการเมืองก็ต้องสุจริต

"วันนี้ผมก็พิสูจน์ เมื่อคุณมีอำนาจ มีเงินทองมากแล้วคุณมาทำไม่สุจริต ผมได้พิสูจน์ตรงนี้ให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้เชื่อมั่นระบอบการเลือกตั้งต่อไป ถ้าได้พัฒนากฎหมายประเทศไทยได้ขนาดนี้และเชื่อว่าการเมืองจะดีขึ้น นักการเมืองเข้าไปไม่กอบโกย เพราะว่าตอนเข้าไม่ต้องซื้อเสียง"

เขากล่าวว่า ศาลฎีกาเขียนบรรยายคำพิพากษาในภาพรวมวันนี้ว่า แม้ว่าตัวผู้สมัครไม่ได้ทำความผิดเอง แต่ใช้นอมินี ใช้คนอื่นไปจ่ายเงินแทน ศาลสามารถที่จะสืบ เชื่อมั่นพยานหลักฐานให้ไปสู่การจับผิดที่ทำผิด เพราะฉะนั้นการที่นักการเมืองหลายคนพยายามใช้นอมินี หรือใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด จากนี้ไปคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับนี้วันนี้ก็จะเป็นคดีที่จะเป็นบรรทัดฐานของคดีเลือกตั้งของประเทศไทยต่อไป ก็อยากเห็น กกต.เป็นหน่วยงานหลักที่เข้มแข็ง และสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่งตนอยากเห็นตรงนี้มาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเทพไทและนายมาโนช หลังถูกคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลได้ออกหมายขังจำเลยทั้งสองทันทีแล้ว จากนั้นทางตำรวจศาลได้คุมตัวจำเลยทั้งสองไปยังห้องขังของศาลเพื่อรอเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช นำรถบรรทุกผู้ต้องขังทั้งสองรวมกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ ส่งเข้าเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชในช่วงเย็นวันนี้ต่อไป

นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายความของนายพิชัย กล่าวว่า หลังคำพิพากษานายเทพไทมีสีหน้าเคร่งเครียดเรียบเฉย แต่นายมาโนชถึงกับร้องไห้ ในขณะที่ภรรยาของนายมาโนชเข้ามาต่อว่าตนด้วยถ้อยคำไม่พอใจว่า “ทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ” ซึ่งตนชี้แจงไปว่าตนเป็นทนาย ไม่เกี่ยวข้อง ทำไปตามหน้าที่ทนายความ โดยคดีนี้ในฐานะทนายโจทก์ ต้องขอโทษนายเทพไทและนายมาโนช เราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางโกรธแค้นส่วนตัวกันมาก่อน ซึ่งคดีนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญของนักการเมืองรุ่นหลังที่ต้องยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายที่ตราไว้ บางคนคิดทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแล้วสร้างนอมินีไว้แล้ว  คิดว่าตัวเองจะพ้นผิด สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนอย่างชัดเจนในคำพิพากษา ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ การจัดเลี้ยงเมื่อสร้างนอมินีขึ้นมาแล้วไปทำแทนแล้วจะพ้นผิดพิสูจน์ชัดว่าไม่ใช่ควรเลิกปฏิบัติในกรณีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ขณะที่นายสายัณห์ ยุติธรรม พร้อมด้วยนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมกันแถลง โดยนายอาญาสิทธิ์กล่าวว่า ส.ส.พลังประชารัฐ 4 คน ในเขตเลือกตั้ง จ.นครศรีธรรมราช ขอแสดงความเสียใจต่อท่านที่ต้องคดีให้ติดคุก เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่อยากให้คนที่เป็นญาติ เป็นคนที่รักนับถือ ต้องตกอยู่ในสถานะเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม วันนี้เราได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดบรรทัดฐานต่างๆ มากมายที่จะออกมาตามกฎหมายนี้ ที่ให้พรรคการเมืองและนักการเมืองต้องปฏิบัติ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตยุติธรรม

ทั้งนี้ ควรต้องเอาตัวอย่างที่เกิดขึ้นเป็นกรณีศึกษาของนักการเมืองที่จะต้องปฏิบัติอย่างไร ในการรณรงค์การเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ให้เกิดปัญหาทางกฎหมายลักษณะเช่นนี้อีก ซึ่งกระบวนการยุติธรรมในภาครัฐ โดยเฉพาะอัยการ ควรรีบเร่งสั่งคดีเพื่อให้ผลทางคดีออกมาโดยเร็ว เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานในการทำงานต่อไป             

 “การเลือกตั้งทุกระดับต้องใช้งบประมาณของรัฐ ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมองค์กรทางกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องต้องรีบดำเนินการ เพื่อให้เกิดการชดใช้เรียกคืนความเสียหาย ที่เป็นเงินภาษีประชาชนให้กลับคืนมาสู่รัฐ เพื่อเป็นบรรทัดฐานการทำงานทางการเมืองต่อไป” นายอาญาสิทธิ์กล่าว

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 15.00 น. นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ได้เรียกประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย วิปฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะมีทั้งหมด 4 วัน โดยฝ่ายค้านได้เวลาทั้งหมด 45 ชั่วโมง ส่วนอีก 18 ชั่วโมงเป็นของ ครม. ส.ส.รัฐบาล และประธานที่ประชุม โดยการประชุมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. ถึงวันที่ 22 ก.ค. เริ่มตั้งแต่เวลา 08.30-00.30 น.ของทุกวัน ยกเว้นวันอภิปรายสรุป ซึ่งจะให้จบประมาณเวลา 23.30 น. หรือไม่เกิน 00.00 น. และจะลงมติในวันที่ 23 ก.ค. เวลา 10.00 น. ทั้งนี้ เราพอใจแม้จะไม่ได้วันอภิปราย 5 วัน แต่เราก็ได้ชั่วโมงตามที่เราต้องการคือ 45 ชั่วโมง               

สำหรับระบบการอภิปรายจะมี 3 ระบบ 1.อภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล 2.อภิปรายพ่วง 2 คนโดยมีเป้าหลักและเป้ารอง และ 3.อภิปรายพ่วง 3 คน โดยผู้อภิปราย 1 คนสามารถอภิปรายรัฐมนตรีได้หลายคนและหลายรอบ แต่สามารถอภิปรายรัฐมนตรีคนนั้นๆ ได้แค่ครั้งเดียว สำหรับกรอบเวลาอภิปรายในแต่ละวันฝ่ายค้านจะจัดให้สมดุลอย่างน้อยวันละ 11 ชั่วโมง ขณะที่รัฐบาลวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์มีฝ่ายค้านอภิปรายฝ่ายเดียว หรือรัฐบาลต้องมาตอบพร้อมกันในวันเดียว ต้องกระจาย

ด้านนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความลงทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า "ผมต้องขออภัยที่พูดคลับเฮาส์เมื่อคืนนี้ทำให้สื่อบางท่านหรือบางสำนักเข้าใจว่าผมเสนอให้รัฐบาลถอนตัวจากการเป็นเจ้าภาพเอเปกจริงๆ แล้วผมหมายถึงรัฐบาลนี้ไม่มีความพร้อมที่จะทำหน้าที่ประธานเอเปก ซึ่งครั้งนี้จะมีความซับซ้อน ยากกว่าทุกคราว ไม่ต้องกังวลที่นายกฯ จะอยู่เป็นประธาน ถ้าหากจะต้องมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็น่าจะได้ทีมที่จะเป็นเจ้าภาพได้ดีกว่านี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากกว่า".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง