ชงตีความปม‘ราษฎร’แบ่งเขต

กกต.เตรียมถกอีกรอบ เรื่องคำจำกัดความราษฎรจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ หลังกระแสสังคมแตกเป็น 2 ทาง “ศรีสุวรรณ” เตรียมส่งผู้ตรวจฯ ทำให้ชัด “กกต.กทม.” เตือนนักการเมือง 14 ก.พ.แจกดอกกุหลาบส่อผิด 2 ป.พาเหรดลงพื้นที่ “ประยุทธ์” ลงสุราษฎร์ธานี ส่วน “ประวิตร” ไปกาญจนบุรี “วันชัย” ย้ำเพื่อไทยไม่ได้มีแคนดิเดตแค่ "อุ๊งอิ๊ง" คนเดียว หากดึงดันอาจไม่ได้เป็นรัฐบาล “เสธ.อู้” ฟันธงไม่มีทางที่ลุงป้อม-ลุงตู่จะลงชิงเก้าอี้พร้อมกัน หนูนาปราศรัยเดือดอัดพรรคการเมืองใหม่ไร้มารยาท

เมื่อวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการหารือกรณีความเห็นต่างในการที่ กกต.นำจำนวนราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคิดคำนวณจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดพึงมี และแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และทำให้ไม่เชื่อมั่นในการจัดการเลือกตั้งของ กกต. ซึ่งในที่ประชุม กกต.ก็มีการแสดงความคิดเห็นหลากหลาย​ โดยเฉพาะประเด็นยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ซึ่งที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุป โดยนัดหารือในประเด็นดังกล่าวต่อวันที่ 14 ก.พ.

มีรายงานว่า ในวันที่ 14 ก.พ. นายศรีสุวรรณ จรรยา  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะเข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรนั้น หมายความรวมถึงจำนวนราษฎรผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น หรือหมายความรวมถึงราษฎรที่เป็นคนต่างด้าวด้วยหรือไม่

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงถึงการแบ่งเขตเลือกตั้ง กทม.ว่า เป็นการแบ่งเขตที่บิดเบี้ยว ไม่เป็นไปตามธรรมชาติของแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะการแบ่งเขตรูปแบบที่ 6-8 ไม่เป็นไปตาม  พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.  พรรค  พท.และพรรคอื่นๆ ไม่เห็นด้วย เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาให้ประชาชน ขอเรียกร้องให้ กกต.ทบทวนใหม่

นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวเช่นกันว่า การแบ่งเขตแบบที่ 6-8 มีโอกาสสร้างความสับสนให้ประชาชนมากกว่า หากมีการแบ่งพื้นที่ตามแขวง คงเรียก ส.ส.เขตไม่ได้ ต้องเรียกว่า ส.ส.แขวง  และจะสร้างผลเสียคือบัตรเสียจะมากขึ้น โดยจากการฟังเสียงประชาชน พรรคจึงเสนอว่ารูปแบบการแบ่งเขตแบบที่  1-2 มีความเหมาะสมมากที่สุด

ส่วนที่สำนักงาน กกต.จ.พิษณุโลก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.), พรรค พท.และพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พร้อมด้วยภาคประชาชน ร่วมมอบหนังสือคัดค้านการเปลี่ยนแปลงเขตการเลือกตั้ง ให้ พ.ต.ท.วัชรินทร์ พิมพ์กะภีร์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดพิษณุโลก

ต่างกับที่ กกต.จ.นครศรีธรรมราช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางมายื่นหนังสือแสดงความคิดเห็นสนับสนุนให้ กกต.ใช้การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบที่ 3 เพราะมีความยุติธรรมโปร่งใส  และเคยใช้เมื่อเลือกตั้งเมื่อปี 2554

นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.)  กล่าวถึงข้อห่วงใยการหาเสียงเลือกตั้งช่วงวันวาเลนไทน์  14 ก.พ.ว่า แม้ว่าวันดังกล่าวไม่ใช่ประเพณีและวัฒนธรรมโดยตรงของไทย แต่คนไทยนิยมและถือปฏิบัติกันตามหลักสากล ดังนั้นจึงขอให้นักการเมือง ผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง และพรรคการเมืองปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 

เมื่อถามว่า การลงพื้นที่หาเสียงสามารถแจกดอกกุหลาบได้หรือไม่ นายสำราญกล่าวว่า บางครั้งอาจถูกมองว่าพวกดอกไม้หรือดอกกุหลาบเป็นสิ่งเล็กน้อย ไม่ได้มีมูลค่าหรือราคา แต่หากมีการตั้งประเด็นหรือร้องเรียนก็จำเป็นต้องตรวจสอบ แม้เป็นแค่ดอกไม้เล็กๆ ก็สุ่มเสี่ยง เพราะบางคนอาจตีเป็นมูลค่าหรือทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดเพื่อจูงใจให้เกิดความรู้สึกดีที่ได้รับมา ดังนั้นงดแจกไปเลยจะดีกว่า 

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ใน 14 ก.พ.ว่า ยังไม่รู้เลย แต่การลงพื้นที่เป็นการพูดให้ประชาชนเข้าใจและเห็นอนาคต ซึ่งทำตัวอย่างมา 8 ปีให้เห็นแล้ว ลงเมื่อไหร่ก็จะไปพูดว่าได้ทำอะไรมาแล้วบ้าง และจะทำอะไรต่อไป การไปหาเสียงก็โอเคสำคัญ เป็นกระบวนการเลือกตั้ง แต่ก็ต้องดูว่าการพูดหาเสียงบางทีมันก็ต้องมีหลักการและเหตุผลที่ดี จะทำอะไรก็แล้วแต่ รายได้มาจากไหน อันนี้สำคัญที่สุด

‘น้องตู่-พี่ป้อม’ พาเหรดลงพื้นที่

ในเวลา 14.45 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะไปตรวจราชการที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและปัญหาที่ดินทำกินของประชาชน โดยจุดที่ไปคือวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ต.เวียง อ.ไชยา ซึ่งมีประชาชนมารอให้การต้อนรับและมอบดอกกุหลาบแดง บางส่วนตะโกนให้กำลังใจว่าขอให้นายกรัฐมนตรีสู้ๆ อยู่บริหารประเทศต่อไป และชูป้ายเชียร์อาทิ “ไม่ว่าลุงตู่ จะอยู่พรรคไหน เราจะตามไปเลือกลุงตู่” “ราคายาง ราคาปาล์ม ไม่พรือ  เพราะลุงตู่โอนให้ทุกเดือน” โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ทักทายชาว อ.ไชยาที่มารอให้การต้อนรับ

จากนั้นนายกฯ ได้สักการะพระบรมธาตุไชยา และนมัสการพระครูพิทักษ์ เจติยานุกูล เจ้าคณะอำเภอไชยา  รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุไชยา โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้พระครูมีสุขภาพแข็งแรง รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ ขณะที่พระครูพิทักษ์ให้พรว่า ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีพละกำลังในการทำงานเพื่อประเทศชาติ ขอให้มีสติปัญญาในการแก้ไขปัญหา และสานต่อสิ่งดีๆ ที่ทำไว้ให้ดียิ่งๆ ขึ้น ให้ประสบความสำเร็จนำพาประเทศชาติเจริญก้าวหน้าต่อไป

เวลา 16.00 น. ที่ศาลาประชาคม ที่ว่าการอำเภอไชยา   พล.อ.ประยุทธ์ลงตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อำเภอไชยา และปัญหาที่ดินทำกิน โดยนายกรัฐมนตรีรับฟังรายงานสรุปโครงการบรรเทาอุทกภัยและบริหารจัดการน้ำพื้นที่อำเภอไชยา และเป็นประธานสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) แก่เกษตรกรรวม 77 ราย และได้กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า "จะต้องสร้างความเท่าเทียม สร้างโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงอย่างเป็นธรรม คนไทยทุกคนต้องรักกัน แบ่งปันกัน เพราะทุกคนคือคนไทย มีชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลัก สำหรับตัวนายกฯ  เองมีประชาชนเป็นที่รัก ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนและเพื่อประเทศชาติ ทุกคนต้องร่วมมือกัน อย่าทะเลาะ สร้างความขัดแย้ง

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ  พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจราชการติดตามการพัฒนาทรัพยากรน้ำและแก้ปัญหาที่ดินทำกิน โดยระหว่างลงพื้นที่ พล.อ.ประวิตรยังได้พบปะประชาชนที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง ซึ่งผู้มาเชียร์ก็ชูป้ายข้อความต่างๆ อาทิ เชียร์ลุงป้อมเป็นนายกฯ คนต่อไป, เรา LOVE ลุงป้อม รวมทั้งยังระบุว่า พล.อ.ประวิตรเป็นคนใจดี มีเมตตา มีภาวะผู้นำโดดเด่น เป็นศูนย์รวมความสามัคคี และประสานงานได้ทุกกลุ่ม โดนใจคนเมืองกาญจน์ เหมาะเป็นนายกฯ คนต่อไป

ทั้งนี้ ในช่วงช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตรได้วิดีโอคอลไปยังวิทยาลัยเทคนิคลำปาง จ.ลำปาง ตามที่แฟนคลับได้ประสานมายังทีมงาน เพื่อพูดคุยกับนักเรียน นักศึกษา และเยาวชน ตามแนวคิด “มีลุง มีรัก” เนื่องในเทศกาลวันวาเลนไทน์ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้รับฟังปัญหาและเสียงสะท้อนวาระต่างๆ  ของเยาวชนก่อนกล่าวขอบคุณ และขอให้เยาวชนเป็นอนาคตของชาติ ด้วยความรักความปรองดองในทุกระดับของสังคม

 “ขอบคุณกำลังใจจากทุกคนที่มอบให้ เราต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง เราไม่ขัดแย้งและทะเลาะกับใคร หากทุกคนอยากให้ผมเป็นนายกฯ ก็ขอให้เลือก ขอฝากทุกคนด้วย” พล.อ.ประวิตรกล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือ และเสียงตะโกน  “รักลุงป้อมๆ” และ “ลุงป้อมสู้ๆ” ในวิดีโอคอลเป็นระยะ

เวลา 18.12 น. พล.อ.ประวิตรเข้าสักการะศาลหลักเมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนขึ้นเวทีปราศรัยและเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรค พปชร. โดยมีประชาชนถือดอกไม้ พวงมาลัย และป้ายข้อความ อาทิ “นายกฯ คนที่ 30 มาแล้วจ้าาาา”,  “เลือกทั้งคน เลือกทั้งพรรค พาลุงป้อมเป็นนายกฯ กันเน้อ”,  “ลุงป้อมมีใจ พวกเรารวมแรง ใจบันดาลแรง” รอต้อนรับ โดยทันทีที่ พล.อ.ประวิตรเดินทางมาถึง ประชาชนที่มารอต้อนรับต่างเข้าสวมกอด จับมือ มอบดอกกุหลาบ พวงมาลัย และหอมแก้ม โดยเมื่อหอมแก้มเสร็จแล้วบอกว่า “แก้มลุงป้อมหอมจังเลย”

จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้เข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และถ่ายรูปรวมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ก่อนเดินทางไปร่วมเวทีปราศรัย

วันเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาแสดงความคิดเห็นจะไม่เลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย หากเป็นแคนดิเดตนายกฯ โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า การให้ความเห็นเช่นนี้ถือว่าอาจสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิของประชาชน พรรคพูดว่าต้องได้  250 เสียงขึ้นไป เพราะเราจะยกตัวอย่างตัวเองให้มีจำนวนเท่ากับ ส.ว.เท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่น เราจะได้ตัดสินใจบนพื้นฐานการเคารพเสียงของพี่น้องประชาชน เชื่อว่าถ้าชนะ 250 เสียงจะเป็นอาณัติของพี่น้องประชาชน เช่นเดียวกันกับ ส.ว.ที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ก็หวังว่าท่านจะเคารพเช่นกัน

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พท. กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่เลือก เพราะเขาต้องช่วยเหลือสนับสนุนปกป้องคนแต่งตั้งพวกเขาก่อน คือ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรเท่านั้น

‘วันชัย’ ย้ำเตือน ‘เพื่อไทย’

ด้านนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ซึ่งเป็นผู้จุดประเด็นดังกล่าวระบุว่า ได้แสดงจุดยืนมาตลอดว่าถ้าพรรค พท.ได้ ส.ส.เกิน 250 เสียงขึ้นไป และเสนอ น.ส.แพทองธาร ก็เลือก  ส่วนพรรค ส.ว.บางส่วน หรือพรรคการเมืองอื่นซึ่งเท่าที่ได้ยินมาบอกว่าไม่เอาด้วยกับ น.ส.แพทองธาร เวลาประชาชนเลือกเขาไม่ได้เลือก น.ส.แพทองธาร แต่เลือกพรรค พท.  เพราะแต่ละพรรคสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ได้ 3  คน ดังนั้นจึงไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่  เพราะตัวเลือกแคนดิเดตนายกฯ ในพรรค พท.ไม่ได้มีเพียง  น.ส.แพทองธารคนเดียว

 “การพยายามนำมาผูกกันว่าพรรค พท.ชนะแล้วจะได้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ เป็นข้อเสนอที่ไม่น่าถูกต้อง  เพราะคนจะเป็นนายกฯ เป็นเรื่องที่ประชาชนทั้งประเทศและสภาต้องโหวตกัน ขณะนี้สภายังไม่ได้โหวตว่าจะเอา น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ดังนั้นพรรค พท.อาจต้องตกลงกับพรรคการเมืองอื่น เพื่อหาชื่อที่ไม่ใช่ น.ส.แพทองธาร และคิดว่าสภาจะให้ผ่าน แต่หากขืนดันหรือแข็งขืน เผลอๆ พรรค พท.อาจไม่ได้เป็นรัฐบาล”

นายวันชัยกล่าวอีกว่า ขอประกาศว่าเพื่อต้องการให้เป็นเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง และไม่ต้องการให้เสียงของ ส.ว.เข้าไปเกี่ยว แนะนำว่า ส.ส.ที่มี 500 คน ควรรวมกันเองให้ได้ 376 เสียง เพื่อให้สามารถเป็นรัฐบาลได้โดยไม่ต้องแคร์เสียงของ ส.ว.แม้แต่เสียงเดียว ขอคนที่กระดูกแข็งๆ หน่อย

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. กล่าวถึงข้อเสนอของนายวันชัยว่า ไม่ใช่ความเห็นของ ส.ว.ทั้งหมด แต่จะไปห้าม ส.ส.หรือ ส.ว.ไม่ให้แสดงจุดยืนไม่ได้ ส่วนตัวมองว่าหากจะเลือกนายกฯ เป็นครั้งสุดท้ายต้องพิจารณาหลายอย่างประกอบกัน อันดับแรก ส.ว.ต้องวางตัวเป็นกลาง โดยการเลือกต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประสิทธิภาพเสถียรภาพในการบริหารงานของรัฐบาลในอนาคต แต่หากมีเสียง ส.ส.สนับสนุนเกินครึ่งหนึ่ง เชื่อว่า  ส.ว.จะสนับสนุน แต่หากมีเสียงเกินครึ่งแล้วเราคิดว่าเป็นบุคคลที่ไม่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ สู้อีกคนไม่ได้ก็ต้องถอยกลับไปเสนอชื่อใหม่ เพราะฉะนั้นการที่พรรคการเมืองรวมตัวกันก็เป็นสิทธิ์ แต่การที่จะเสนอใครมาเป็นนายกฯ ก็ต้องมองในภาพรวมด้วย

เมื่อถามถึงข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า ส.ว.จะเลือกแค่ 2 ลุง  คือ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรเท่านั้น พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า เรื่องการเลือกใครจะต้องอยู่ที่สถานการณ์ แต่ขอฟันธงว่าไม่มีวันที่ลุงตู่และลุงป้อมจะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ทั้ง 2 คน อาจต้องมีคนใดคนหนึ่ง หรือไม่มีเลยทั้งสองคนก็ได้ ซึ่งเสียงของประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะตอบโจทย์

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่า เชื่อว่า สว.ส่วนใหญ่จะเคารพเสียงของประชาชนและทำเพื่อบ้านเมือง  ส.ว.จะดูว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ต้องเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ไม่มีเบื้องหลังทุจริต นำพาบ้านเมืองไปสู่ความสงบ โดยกรณี น.ส.แพทองธารควรเสริมกระดูกทางการเมืองอีกสักหนึ่งสมัย แล้วค่อยมาว่ากัน เพราะเราเคยมีประสบการณ์แล้วว่านายกฯ ที่หน่อมแน้มสร้างปัญหาให้ประเทศชาติ

‘จตุพร’ ท้า ‘ทักษิณ’

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อนตอน “ตีมึน” ระบุว่า  นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บอกจะกลับบ้านโดยใช้ใจอย่างเดียว ไม่ใช้กฎหมาย และจะให้อุ๊งอิ๊ง-แพทองธารประกาศนั้น ขอเดิมพันกันเลยให้พรรค พท.แถลงมา ถ้านายทักษิณไม่กลับก่อนการเลือกตั้ง ก็ไม่ต้องไปเลือก พท. เพราะเมื่อประกาศจะกลับบ้าน แต่ไม่รู้กลับวันไหน ทำให้คำประกาศกลายเป็นปัญหาการชุบชีวิตให้ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว  ดังนั้นเอากันแบบแฟร์ๆ ไม่ต้องสลับซับซ้อน นายทักษิณออกคลับเฮาส์ครั้งหน้าให้ประกาศว่า จะกลับก่อนการเลือกตั้ง ถ้าวันเลือกตั้งแล้วยังไม่กลับ พี่น้องประชาชนไม่ต้องเลือกเพื่อไทย ส่วนผลลัพธ์จะเกิดอะไรขึ้น จะพังขนาดไหนก็แล้วแต่ เพื่อให้เป็นสัจวาจาสักครั้ง

นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีพรรค พท.จะรวมกับ พปชร.หรือไม่ว่า ไม่ต้องการให้ประชาชนมาถูกนายทักษิณหลอกเหมือนที่เคยถูกหลอกมาแล้ว เพราะท้ายสุดเชื่อว่า พท.จะสร้างปรากฏการณ์ให้ประชาชนยอมรับ พล.อ.ประวิตรได้  และเมื่อเพื่อไทยจับมือกับ พปชร. คนเป็นนายกฯ ชื่อ พล.อ.ประวิตร เพราะนายทักษิณเป็นหมูในอวยของ พล.อ.ประวิตรอยู่แล้ว เพราะ พล.อ.ประวิตรเป็นคนมีบารมี ดีลจำนำข้าวภาคสองยังต่อรองปล่อยตัวกันได้ หากนายทักษิณเบี้ยวคงถูกเล่นงาน

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ นั้น  พบว่ามีความเคลื่อนไหวทางการเมืองในกลุ่มไลน์พรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งมีสมาชิกส่งจดหมายเปิดผนึกของนายสานิตย์  พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ที่ทำถึง พล.อ.ประวิตรเพื่อขอความช่วยเหลือและเมตตา กรณีข้าราชการครูถูก ป.ป.ช.ชี้มูลโครงการก่อสร้างปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์ (สนามฟุตซอล) ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ซึ่งก่อนหน้านี้สมาคมได้เคยยื่นหนังสือกับ พล.อ.ประวิตรคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ทางการเมืองของนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการวางตัวผู้สมัครในพื้นที่ จ. ชัยภูมิ ระหว่างนายวิรัชและนายอร่าม โล่ห์วีระ

ส่วนที่ จ.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดเวทีปราศรัย ณ ที่ทำการสหกรณ์การเกษตรอำเภอบางปลาม้า โดย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการอำนวยการพรรค กล่าวช่วงหนึ่งถึงการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงว่า ทราบมาว่ามีพรรคการเมืองตั้งใหม่พรรคหนึ่ง พยายามเหลือเกินที่จะแสวงหาที่สมัครมาแข่งกับพรรค ชทพ.ในหลายเขต จึงอยากบอกว่ามันเสียมารยาทมาก มากที่สุดคือมาทาบทามเอาน้องชายแท้ๆ ของนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ  ไปลงในเขต1

“เอาเถอะค่ะ ท่านมาเราก็สู้ และเราสู้ยิบตาด้วย แม้เราจะเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ เทียบกับท่านที่มีอำนาจบารมีมาก  แต่เราเป็นมด ที่ถ้ากัด เรากัดเจ็บนะคะ” น.ส.กัญจนาระบุ

รายงานจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แจ้งถึงการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ล่าสุดพรรคได้มีการประชุมแบ่งพื้นที่รับผิดชอบในแต่ละภาคแล้ว ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคจะดูภาพรวมการเลือกตั้งทั้งหมด โดยในสัปดาห์นี้พรรคจะประชุมเพื่อพิจารณาสรุปภาพรวมผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง  400 เขต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต. ตั้งเป้าประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ.68 ร้อยละ 65-70

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.  เปิดเผยถึงแผนเตรียมการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น อบจ. ที่จะครบวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 19 ธ.ค.นี้    โดยยืนยันที่จะจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันเสาร์

มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ตีตก 7 คำร้อง ขอให้วินิจฉัยเลือก สว. ไม่ชอบ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับ 7 คำร้องที่มีการร้องขอให้วินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ประกอบด้วยคำร้องของนายสมบูรณ์ ทองบุราณ,นายวัฒนา ชมเชย ,ว่าที่ร.ต.วิชชุกร คำจันทร์ นายจิรัฎฐ์ แจ่มสว่าง,นายปรีชา เดชาเลิศ,นางฤติมา กันใจมา,