‘ก้าวไกล’เอาแน่ เลิกเกณฑ์ทหาร ปกป้องเสรีภาพ

กรุงเทพฯ ๐ "ก้าวไกล" ลั่นเกณฑ์ทหารครั้งสุดท้าย หากได้เป็นรัฐบาลเลิกใน 1 ปี  เพราะเป็นการสูญเสียเสรีภาพในระดับปัจเจกบุคคล และสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจระดับประเทศ ลบภาพสถาบันอำนาจนิยม "วิโรจน์" แขวะ​ทหารไม่ใช่อาชีพเดียวที่รับใช้ชาติ คนจ่ายภาษีก็ถือว่ารับใช้ชาติแล้ว คนรุ่นใหม่เห็นด้วยทหารเพศทางเลือก

     เมื่อวันที่​ 1 เมษายน 25​66 พรรคก้าวไกล นำโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ​ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล,​ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร​ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม., นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล​ และนายปิยรัฐ จงเทพ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตพระโขนง-บางนา เข้าสังเกตการณ์ ชวนพูดคุย และทำโพลสำรวจความเห็นต่อข้อเสนอยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ณ หน่วยจับใบดำ-ใบแดง เขตพระโขนง โดยมีผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลทั่วประเทศกระจายทำกิจกรรมรณรงค์ลักษณะเดียวกันในเขตเลือกตั้งของตนเอง

     นายพริษฐ์กล่าวว่า หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราตั้งเป้าจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารภายใน 1 ปี เพื่อให้เม.ย.ปีนี้ เป็นครั้งสุดท้าย ที่ต้องมีคนมาจับใบดำ-ใบแดง หรือต้องมีคนเป็นทหารทั้งที่ไม่อยากเป็น

     “เหตุผลที่พรรคก้าวไกลเสนอการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เพราะระบบเกณฑ์ทหารทำให้เกิดความสูญเสียในสองระดับด้วยกัน กล่าวคือ การสูญเสียเสรีภาพในระดับปัจเจกบุคคล ซึ่งกระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพ โอกาสความก้าวหน้าทางการงาน และเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัว ส่วนอีกระดับหนึ่งคือ การสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจระดับประเทศ เพราะเป็นการดึงทรัพยากรมนุษย์ออกจากตลาดแรงงานในวันที่ประเทศไทยเผชิญกับสังคมสูงวัย และโครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนคนวัยทำงานที่ลดลง”

     นายพริษฐ์กล่าวอีกว่า การยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารจะไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เพราะหากเราลดยอดกำลังพลที่ไม่จำเป็นหรือไม่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคง (เช่น พลทหารรับใช้) ควบคู่กับการยกระดับสวัสดิการ-สวัสดิภาพของพลทหารและการกำจัดความรุนแรงในค่าย ยอดทหารที่สมัครใจเข้ามาจะเพิ่มขึ้นและเพียงพอต่อภารกิจการรักษาความมั่นคงของประเทศ ซึ่งหากการยกเลิกเกณฑ์ทหารสามารถเกิดขึ้นได้จริงจะส่งผลดีกับทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่กองทัพ ที่จะได้ลบข้อครหาว่าเป็นสถาบันอำนาจนิยม และก้าวสู่กองทัพยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วยบุคลากรที่สมัครใจทำงานและพร้อมทุ่มเทให้องค์กรอย่างแท้จริง

     ด้านนายวิโรจน์กล่าวว่า ถ้าสามารถเปลี่ยนจากการบังคับเกณฑ์ทหารมาเน้นเป็นการสมัครใจทั้งหมด สวัสดิภาพและสวัสดิการของทหารชั้นผู้น้อยจะได้รับการเอาใจใส่มากขึ้น และจะเกิดความสบายใจให้กับทุกคน ทหารไม่ใช่อาชีพเดียวที่รับใช้ชาติ แต่ทุกอาชีพมีส่วนในการร่วมกันรับใช้ชาติทั้งหมด การจ่ายภาษีให้กับรัฐก็สามารถนับเป็นการรับใช้ชาติได้เช่นกัน  การถูกเกณฑ์เข้าไปดูแลบ้านหรือครอบครัวของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ต่างหากที่น่าตั้งคำถามว่าเป็นการรับใช้ชาติจริงหรือ ทั้งนี้ หากการบังคับเกณฑ์ทหารถูกยกเลิกได้จริง จะทำให้งบประมาณจำนวนมหาศาลได้รับการจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยอัตโนมัติ

     นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า การยกเลิกการเกณฑ์ทหารเป็นหนึ่งนโยบายในการปฏิรูปกองทัพของพรรคก้าวไกลที่ครอบคลุมอีกหลายวาระ ตั้งแต่การปิดช่องรัฐประหารและการแทรกแซงการเมืองโดยกองทัพ การโอนธุรกิจกองทัพมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล เพื่อให้เกิดความโปร่งใส รวมถึงการแก้กฎหมายและระเบียบกลาโหมทั้งหมด เพื่อให้กองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนที่ยึดโยงกับประชาชน ซึ่งจะทำให้ทหารทุกนายได้ทำหน้าที่เป็นทหารอาชีพอย่างแท้จริง

     ที่ จ.พิษณุโลก ได้มีการคัดเลือกทหารกองเกินเข้าประจำการ ประจำปี 2566 ของกองทัพภาคที่ 3 วันแรก มีจำนวน 2 อำเภอ ได้แก่ อ.วัดโบสถ์ และ อ.นครไทย โดยบรรยากาศที่ว่าการอำเภอวัดโบสถ์  จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดคัดเลือกทหารกองเกินเพื่อเข้ากองประจำการในพื้นที่ 6 ตำบลของอำเภอวัดโบสถ์ ประกอบด้วย ตำบลวัดโบสถ์, ตำบลท้อแท้, ตำบลท่านางงาม, ตำบลบ้านยาง, ตำบลหินลาด และตำบลคันโช้ง มียอดทหารกองเกินที่มาคัดเลือกเพื่อเข้ากองประจำการจำนวนทั้งสิ้น 271 คน โดยคัดเลือกเข้าประจำการจำนวน 55 นาย ประกอบด้วย กองทัพบก 29  นาย, ทหารอากาศ 10 นาย และทหารเรือ 16 นาย ซึ่งบรรยากาศในช่วงเช้ามีผู้สมัครใจแล้วจำนวน 3 คน และมีสาวสองหรือเพศทางเลือกที่เดินทางมาคัดเลือกเป็นปีแรกจำนวนหลายคน

     โดยนายชัยสิทธิ์ สาสน อายุ 20 ปี หรือน้องไข่มุก จากตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ได้มาคัดเลือกทหารเป็นปีแรก ซึ่งก็มาแจ้งตามขั้นตอน โดยทางเจ้าหน้าที่บอกว่าในปีหน้าขอให้นำใบรับรองแพทย์มาเพื่อให้ทางแพทย์รับรองเพศสภาพให้อีกครั้ง  ส่วนที่มีกระแสว่าจะมีการรับเพศทางเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารนั้น ในส่วนตัวแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี และเห็นด้วย  เนื่องจากเป็นสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ขอให้แต่งกายในแบบทหารหญิง และทำงานในส่วนที่ใช้แรงงานไม่หนักจนเกินไป งานเอกสาร หรือการประสานงานด้านต่างๆ ส่วนที่จะต้องให้ไปฝึกหนักเพื่อเตรียมการรบนั้น ด้วยร่างกายคงรับไม่ไหว แต่ก็ยินดีหากมีการเปิดช่องทางนี้ให้เพศทางเลือก  ได้เข้ารับราชการทหารจริงๆ

     ขณะที่นายปัญจรัตน์ ชัยพารา หรือน้องบี อายุ 20 ปี จากตำบลบ้านยาง เปิดเผยว่า การมาคัดเลือกทหารในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก ได้นำใบรับรองแพทย์มายื่น กับทางเจ้าหน้าที่ด้วย ส่วนกรณีที่เปิดให้เพศทางเลือกสามารถเข้ารับราชการทหารได้นั้น ตนเห็นด้วย มองว่าเป็นเรื่องที่ดี หากเพศทางเลือกนั้นต้องการเข้ารับราชการทหาร แต่ในส่วนของเรื่องการแต่งกาย คงต้องเป็นไปตามสภาพเพศทางเลือกด้วยเช่นกัน ยืนยันว่าหากมีการแก้กฎหมายและเปิดโอกาสให้ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับเพศทางเลือกที่ 3 ในการรับใช้ชาติอีกด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง