ปชป.ย้อนความคิดก้าวไกล แก้.112-เลิกโทษหมิ่นศาล!

ประชาธิปัตย์ ๐ ประชาธิปัตย์ปฏิเสธไม่มีดีลการเมืองตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย แจงเหตุผล "ชวน" เบรกร่างแก้ไข ม.112 ของก้าวไกล เพราะขัดแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ย้ำไม่ไว้วางใจก้าวไกล ในอดีตเคยเสนอยกเลิกอัตราโทษจำคุกฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานและศาล ขณะที่มีการคุกคามข่มขู่ตุลาการ เอาชื่อผู้พิพากษา และข้อมูลส่วนตัวมาพูดบนเวทีปราศรัย

     เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์   อดีตนักการเมือง เปิดเผยว่ามีการร่วมวางแผน 2 ในการจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.), พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้พรรคก้าวไกลและพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นฝ่ายค้านว่า ยืนยันว่าคนในพรรคไม่มีใครไปดำเนินการเจรจาเพื่อร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใด

     ขณะที่ข้อถกเถียงกันในเรื่องประธานสภาฯ ซึ่งมีหลายฝ่ายออกมาพาดพิงนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า  เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหลักการของการเป็นประธานสภาฯ นั้น ตามอำนาจหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญกำหนด ประธานสภาฯ ไม่มีหน้าที่ช่วยเหลือพรรคการเมืองใดผลักดันร่างกฎหมาย และไม่มีอำนาจหน้าที่ไปวินิจฉัยหรือสั่งการนอกเหนือข้อบังคับการประชุมและรัฐธรรมนูญ สิ่งที่สำคัญทั้งรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมระบุไว้ว่า ประธานสภาฯ ต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น ส่วนที่บอกว่าเหตุผลที่ต้องการให้พรรคของตนได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ก็เป็นเรื่องของพรรคคุณ แต่หลักการที่ถูกต้องก็ควรถูกนำมาพูดด้วย

     นายราเมศยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ของนายชวนอีกว่า นายชวนทำหน้าที่ประธานสภาฯ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายยึดหลักความเป็นกลางในที่ประชุมสภาฯ  การจะกล่าวหาว่านายชวนไม่ร่วมผลักดันกฎหมายแต่ละฉบับนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะการยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือการยกเลิกอัตราโทษฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานและศาล ทั้งหมดเหล่านั้นขัดแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ประธานสภาฯ  จึงเห็นแย้งในที่ประชุม ซึ่งการผลักดันกฎหมายโดยไม่อยู่ในหลักเกณฑ์เป็นสิ่งที่ประธานสภาฯ ทำแล้วจะเกิดปัญหา

     นายราเมศกล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านเดิมขอให้มีการอภิปรายเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ถวายสัตย์ฯ ด้วยว่า กรณีดังกล่าวก็มีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว โดยนายชวนในฐานะประธานสภาฯ จึงขอให้ยุติการอภิปราย แต่ในท้ายที่สุดนายชวนก็ได้หารือหลายฝ่าย และบอกว่าเราต้องยึดหลักความถูกต้อง เมื่อเป็นคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมไม่มีผลผูกพันกับองค์กรอื่น ดังนั้นฝ่ายค้านจึงสามารถอภิปรายได้ จากเหตุการณ์นั้น จึงทำให้เกิดการขัดข้องหมองใจจากรัฐบาลพอสมควร

     ส่วนกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงว่านายชวนไม่ให้ความสำคัญกับการผลักดันกฎหมายภาคประชาชน นายราเมศแย้งว่า นั่นคือสิ่งที่ผิดเพี้ยน เพราะมีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ประธานสภาฯ ได้ทำตามขั้นตอน และมีกฎหมายภาคประชาชนเข้าสู่การพิจารณาของสภาหลายฉบับ นั่นคือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อ้อยและน้ำตาล และร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ ไปไกลถึงขนาดที่ว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งนายชวนได้มีบัญชาให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดที่อำนวยความสะดวก และให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกับประชาชนในการร่างกฎหมาย

     ดังนั้น การพูดเอาดีใส่ตัว แต่เอาชั่วใส่คนอื่น ก็เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความรู้สึกของประชาชนที่เห็นการทำงานของประธานสภาฯ มาโดยตลอด ส่วนที่โฆษกพรรคก้าวไกลบอกว่าอยากให้สภาโปร่งใสนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี แต่สมัยนายชวนก็ไม่ได้ละเลยเรื่องเหล่านี้ เพราะท่านริเริ่มโครงการให้มีบ้านเมืองสุจริต และการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์และเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมถึงสิ่งที่สำคัญคือการดำเนินการทุกข์ร้อนพี่น้องประชาชน และข้อหารือของสมาชิกสภาที่มีกระบวนการผ่านไปยังรัฐบาล ก็ได้รับฟังปัญหา และได้รับการแก้ไขตามลำดับ

     ขณะที่ร่างกฎหมายที่พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นห่วงคือ ตามที่ปรากฏเป็นภาพข่าวพรรคก้าวไกลไปบอกชาวบ้านว่าไม่แก้ไข หรือยกเลิก ม.112 เพื่อความสะดวกในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก็เป็นเรื่องแล้วแต่พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะทำ แต่เมื่อเราเป็นพรรคการเมือง และเราเข้าไปตรวจสอบ พบว่า แม้เสียงข้างมากจะเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมโดยไม่ได้ระบุในบันทึกความร่วมมือ (MOU) แต่เสียงข้างมากของรัฐบาลก็สามารถผลักดันได้ โดยก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลได้เสนอการยกเลิกอัตราโทษจำคุกฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานและศาลมาตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.2564 แต่สิ่งที่น่ากังวลคือเราไม่เห็นด้วย เราไม่ได้ต้องการปกป้องอำนาจตุลาการ แต่หลักการความถูกต้อง กระบวนการที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมพิจารณาคดีด้วยความตรงไปตรงมา ปราศจากการกดดันจากทุกฝ่าย ซึ่งสมัยที่ผ่านมาก็มีการคุกคามข่มขู่ตุลาการ เอาชื่อผู้พิพากษาและข้อมูลส่วนตัวมาพูดบนเวทีปราศรัย ดังนั้น เรามีกฎหมายคุ้มครองตุลาการแค่นี้ไม่ได้ทำให้หนักส่วนไหนของใคร และหากมีการเสนอต่อสภาอีกครั้ง ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคที่ร่วมต่อสู้เรื่องนี้ให้เต็มที่ถึงที่สุด

     นายราเมศยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์อีกว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองจำนวน ส.ส.เสร็จสิ้น จากนั้นเราต้องกลับมาพัฒนาฟื้นฟูการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคในวันข้างหน้า และพรรคได้ย้ำกับผู้สมัครรวมถึงตัวแทนพรรคประจำสาขาในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาสรุปและทำเป็นบทวิเคราะห์ในกรณีที่แพ้การเลือกตั้งในหลายพื้นที่นั้นเกิดจากสาเหตุใด เพื่อเสนอให้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ร่วมพิจารณากับสมาชิกพรรค.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง