อุตตมโพสต์โว หลายชื่ออุบไต๋ ร่วมงานพรรค

“อุตตม” โวยังมีแกนนำอีกหลายคนที่จ่อเข้าพรรคสร้างอนาคตไทย   แต่ยังไม่ถึงเวลาเหมาะสมเปิดตัว ตอนนี้กำลังเร่งสร้างยุทธศาสตร์ให้ประเทศพ้นปัญหา “พิธา” ย้ำ 23 ม.ค.เปิดตัวผู้ชิงผู้ว่าฯ กทม. ที่มีคอนเซ็ปต์ท้าชนแน่

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ม.ค. นายอุตตม​ สาวนายน แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย ​  โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงหลังการเปิดตัวพรรคเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่มีผู้ร่วมก่อตั้งจากหลายวงการ ว่าพวกเขาก็ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองในฐานะคนไทยคนหนึ่ง พร้อมๆ ทำหน้าที่ตนเอง และเมื่อวันหนึ่งมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกัน จนตกผลึกว่าคงไม่สามารถปล่อยให้บ้านเมืองตกในภาวการณ์ที่เป็นอยู่อย่างปัจจุบันได้ จึงเกิดฉันทามติมาร่วมกันทำงานเพื่อบ้านเมือง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน แต่เป็นการเมืองที่อาจเคยมีความคิด ความพยายามทำมาแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ หรือไม่เกิดอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

“การทำงานการเมืองของพวกเราคือต้องฟังเสียงทุกคนทุกกลุ่ม แล้วกลั่นกรองร่วมกันว่าอะไรดีที่สุดสำหรับประชาชน สำหรับประเทศ จึงเป็นที่มาของผู้ร่วมก่อตั้งที่มีความหลากหลายจากทุกกลุ่มทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง อดีตข้าราชการ นักวิชาการ นักธุรกิจภาคเอกชน ภาคประชาสังคม เกษตรกร ฯลฯ ซึ่งทุกคนล้วนได้รับการยอมรับในสาขาอาชีพที่ตนเองทำงานอยู่”

นายอุตตมโพสต์อีกว่า หากต้องการให้อนาคตประเทศก้าวไปข้างหน้า การเมืองก็ต้องก้าวไปข้างหน้าด้วย ต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน แล้วนำมาปฏิบัติอย่างแท้จริง ซึ่งอยากบอกว่าเรายังมีผู้ร่วมก่อตั้งอีกหลายคน ทั้งที่เริ่มต้นทำงานกับพวกเราแล้ว และแสดงเจตจำนงเข้ามา แต่ยังไม่ขอเปิดตัว เพราะยังติดภารกิจบางอย่าง จนกว่าถึงเวลาที่เหมาะสม

“พรรคมีจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งหรือซ้ำเติมความขัดแย้งที่เป็นอยู่ สิ่งที่เรามุ่งเน้นคือเร่งสร้างยุทธศาสตร์เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากปัญหา โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่สุดในเวลานี้ จากนี้ไปจะเห็นพรรคทำงานอย่างเต็มที่เต็มกำลัง” นายอุตตมโพสต์ทิ้งท้าย

นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร หรือครูเป็ด อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ตอนนี้ย้ายมาอยู่กับพรรคสร้างอนาคตไทยแล้ว มาลุยเรื่องการศึกษาเหมือนเดิม ซึ่งพรรคกล้าเป็นโรงเรียนทางการเมืองแห่งแรก ซึ่งการแยกจากพรรคกล้าก็เป็นไปด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน ไม่มีทะเลาะเบาะแว้ง

ด้านนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์​ ถึงกระแสข่าวจะย้ายมาอยู่พรรคสร้างอนาคตไทยว่า ไม่ทราบจริงๆ เพิ่งทราบถึงกระแสข่าวนี้ครั้งแรก เพราะไม่เคยพบปะกันหรือคุยเป็นการส่วนตัว

“ตอนนี้หลานชายที่เป็น ส.ส.อยู่ด้วยกันขาหัก เดินไม่ได้ประมาณ 7-8 เดือน ไม่ได้ออกไปไหนเลย ต้องลาประชุมสภายาว และหลานชายอีกคนเป็นนักการเมืองท้องถิ่น นอกจากนั้นนายไชยยศ สะสมทรัพย์ อดีต รมช.พาณิชย์ ก็พอเพียงกับชีวิต บทบาททางการเมืองของเราในตอนนี้ไม่ได้เหมือนในอดีต​ พี่น้องอย่างนายไชยา สะสมทรัพย์ ก็ได้จากไปแล้ว นี่เป็นเรื่องความจริงทั้งหมด อาจเป็นไปได้ที่ช่วงนี้ไปสภาบ่อย และเจอพรรคพวกก่อนหน้านี้ทุกสัปดาห์ในการประชุม และอาจเจอคนบางคนที่เขาให้เกียรตินั่งคุย อย่างนายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในตอนที่ยังไม่ได้ลาออกจากพรรค พปชร. นั่งดื่มกาแฟ นั่งคุยตามกลุ่มในสภาที่จะต้องเจอทักทายปราศรัยกัน แล้วนายสุพลก็เคยพูดเรื่องพวกนี้เหมือนกัน แต่สุดท้ายตอนที่นายสุพลลาออกไปอยู่กับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน ก็ไม่ได้บอกผม นี่เป็นที่มาที่ไปเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว”

เมื่อถามว่ามีโอกาสหรือไม่ที่จะย้าย  หรือยังแฮปปี้กับ ชทพ.อยู่ใช่หรือไม่ นายเผดิมชัยกล่าวว่า ชีวิตการเมืองพอใจกับพรรค ชทพ.มาก แม้พรรคมี 12 เสียง แต่ถ้าพิจารณาด้วยความเป็นธรรม พรรคเต็มไปด้วยคนที่มีประสบการณ์ที่ดีหลายคน และพวกเรามุ่งทำงาน และใครจะทำอะไรเราไม่เกี่ยว เพราะเราทำงานให้กับประเทศชาติ

ถามอีกว่า หากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ มาออกปากชวนด้วยตัวเองจะย้ายไปหรือไม่ นายเผดิมชัย กล่าวว่า ในวันนี้บ้านยังดีอยู่ ถ้าเราจะไปต้องพิจารณาว่าเราไปทำงานให้ใคร ซึ่งจุดประสงค์ของเราทำงานให้ประเทศชาติ เราไม่สามารถทำมากมายกว่าสิ่งที่เขามอบหมายได้ และปัจจุบันมีความสุข

                    วันเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่าให้รอดูวันที่ 23 ม.ค.นี้ โดยจะเสนอผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่พร้อมชนทุกปัญหา เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้จริง ส่วนที่คาดเดาว่าเป็นนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล อาจเป็นการอนุมานไปล่วงหน้าเอง

นายวิโรจน์กล่าวว่า ในการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จะนำเสนอคอนเซ็ปต์การแก้ไขปัญหาให้คนกรุงเทพฯ คือหมดเวลาซุกปัญหาไว้ใต้พรม ถึงเวลาเลือกผู้ว่าฯ ที่พร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพฯ ซึ่งคำว่า ชนของเราคือการชน 3 ระดับ คือ 1.ระบบราชการของกรุงเทพฯ 2.ระบบราชการส่วนกลางที่มีหน่วยงานซ้ำซ้อนเต็มไปหมด และ 3.นายทุนที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อคนกรุงเทพฯ

ด้าน พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงแนวทางของเหล่าทัพในการสนับสนุนการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม. (หลักสี่) ว่าเหล่าทัพมีแนวทางที่ชัดเจนที่เขียนไว้ในเรื่องการสนับสนุนการเลือกตั้ง 4 ประเภทด้วยกันคือ สนับสนุนคน สถานที่ ยานพาหนะและการประชาสัมพันธ์ ในกรณีที่มีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งขอเข้ามาหาเสียงในหน่วย ทางหน่วยก็ต้องแจ้งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัด (กกต.จังหวัด) เพื่อให้ประกาศเชิญชวนให้พรรคการเมืองเข้ามาทำการหาเสียง และจะจัดพื้นที่กลางเพื่อให้ทุกพรรคการเมืองเข้ามา บอกกล่าวถึงนโยบายของพรรคตัวเองและมีการจัดคิวเข้ามาพรรคการเมือง 

“กรณีที่พรรคก้าวไกลขอเข้าไปหาเสียงในหน่วยทหารของ ทบ. แต่ได้รับการปฏิเสธโดยให้เหตุผลที่มีเพียงพรรคเดียวนั้น เราต้องไปดูที่ กกต.ด้วยว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ายังอยู่ในขั้นตอนที่ กกต.ประกาศเชิญชวนพรรคการเมืองอื่น เพราะปกติเวลาทำเรื่องไปที่หน่วยแล้วยังไม่สามารถเข้ามาหาเสียงได้ทันที เพราะหน่วยต้องรอ กกต.แจ้งก่อนเพื่อเตรียมพื้นที่และกำลังพลที่มาฟังก่อน รวมถึงคิวของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่จะร่วมได้” พ.อ.วันชนะกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง