ป้ายกำกับ :
คิดเหนือกระแส
โอ้ปากหนอปาก เพราะพูดมากและปากไว
พวกเราคงเคยได้ยินสุภาษิต คำพังเพยและคำคมเกี่ยวกับคำพูดมากมาย เช่น “ก่อนพูดเราเป็นนายของคำพูด แต่เมื่อพูดไปแล้วคำพูดจะเป็นนายเรา” นั่นหมายถึงคำพูดที่เราพูดออกไปจะบังคับให้เราต้องรักษาสัญญา ท
เลอะเทอะ...เปรอะจนเฝือ
ตั้งแต่มีปรากฏการณ์ลิซ่าฟีเวอร์ คนไทยจำนวนมากก็ได้ยินคำว่า Soft Power คำคำนี้ก็เลยกลายเป็น buzz ที่พูดกันแบบเลอะเทอะ เปรอะไปหมด โดยไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ บางคนคิดว่า Soft Power เป็น “สิ่งของ” ดังนั้นพอเห็นอะไรที่เป็นไทยๆ
เมื่อกระแสแพ้กระสัน
ในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ได้ สส.มามากถึง 81 คน เป็นที่ 3 รองจากพรรคเพื่อไทยและพลังประชารัฐ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาดูรายละเอียดก็จะพบว่า พรรคอนาคตใหม่ได้ สส.เขตเพียง 31 คนเท่านั้น
คิดกันยังไง...เมืองไทยถึงเป็นเช่นนี้
ประเทศไทยที่ผ่านมา ประเทศไทยมีชาวคณะหลวงประดิษฐ์วาทกรรมแข่งขันกับชาวคณะขุนผลาญทรัพย์อับปัญญา คณะหนึ่งก็ขยันประดิษฐ์วาทกรรมเพราะๆ ฟังดูยิ่งใหญ่
สักมังกรไม่ได้...เอาแค่งูดินก็พอ
ไม่รู้ว่าจะต้องอายุเท่าไหร่จึงจะเคยได้ฟังเพลง “อาตี๋สักมังกร” ที่เนื้อหาของเพลงมีคนนำเอามาเป็นอุปมาอุปไมยกับการแจกเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย เนื้อหาของเพลงเล่าเรื่องอาตี๋คนหนึ่งไปหาอาจารย์สักมังกร
ทำไมจึงดันทุรัง เบื้องหลังมีอะไร
ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีผลโพลสำรวจว่าพรรคก้าวไกลนำมาเป็นที่หนึ่ง พรรคเพื่อไทยที่มีความหวังที่จะชนะแบบ Landslide ต้องหาไม้เด็ดมาต่อสู้ จึงคิดนโยบายประชานิยมที่จะดึงคะแนนให้กลับมาชนะเป็นที่ 1 นั่นคือที่มาของการประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้กับคนไทยทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป
ที่ถามไม่ตอบ...ที่ตอบก็ไม่ใช่
ได้เห็นการโพสต์เป็น Banner บ้าง เป็น Infographic บ้างว่าเงินดิจิทัลแจกไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย แต่พรรคเพื่อไทยก็ยืนกรานว่าแจกได้ ไม่ผิดกฎหมาย ตกลงมันอย่างไรกันแน่ ใครควรจะเป็นผู้ตอบคำถามนี้ให้ประชาชนรู้ความจริงว่า เรื่องนี้มันยังไงกันแน่
หากดันทุรัง...อาจจะพังได้นะ
รัฐบาลบริหารประเทศมาได้ไม่ถึง 2 เดือนก็มีคนตั้งคำถามกันแล้วว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้นาน หรือว่าจะอายุสั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นรัฐบาลผสมข้ามขั้ว พวกเขาเคยอยู่กันคนละข้าง มีความขัดแย้งกันค่อนข้างรุนแรง บางครั้งก็มีการด่าทอต่อว่ากันแบบไม่ไว้หน้ากันเลย เข้าข่ายผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ แต่ด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมืองที่เป็นผลมาจากการเลือกตั้ง
ฤาตัดสินใจแบบไร้ทางเลือก
มีประเด็นถกเถียงกันเรื่องการเชิญวิทยากรไปบรรยายให้นักศึกษาสถาบัน ที่ชื่อของสถาบันเป็นพระนามของพระมหากษัตริย์ แต่พฤติกรรม ทัศนคติ และอุดมการณ์ทางการเมืองของคนที่ได้รับเชิญเป็นวิทยากรเป็นเช่นไรนั้น ชัดยิ่งกว่าชัด
ทำแล้ว ทำอยู่ แต่ไม่ได้ทำต่อ
ตลอด 8-9 ปีที่ลุงตู่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ได้ทำอะไรมากมาย แต่ผลงานไม่เป็นที่รับรู้ของผู้คน เพราะคนที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารผลงานของลุงตู่ไม่ได้นำเอาผลงานของลุงตู่ออกมาเล่าสู่กันฟังมากพอ
DNA ใหม่ของสภา ด้อยค่า ด่าทอ ต่อว่า เสียดสี
สองวันเต็มๆ ที่ประชาชนได้เห็นการแถลงนโยบายของรัฐบาล นำโดยนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา สิ่งที่เราได้เห็น ได้ยินได้ฟัง ก็มีคนที่อภิปรายได้ดี มีการชี้แนะ มีการท้วงติง มีการถามเพื่อขอความกระจ่างของนโยบาย
ทำใจ...เข้าใจ...ไม่เครียดนะ
มาถึงวันนี้ ประเทศไทยมีรัฐบาลที่พร้อมจะทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนแล้ว นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอวันที่ 11 กันยายน แถลงนโยบายกับรัฐสภา คณะรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะทำงานกำกับกระทรวงต่างๆ
ปรองดองของจริง...ต้องระวังวาจา
ในการออกมาแถลงการณ์แต่ละครั้ง พรรคเพื่อไทยยังคงขึ้น banner เป็นฉากหลังของการนั่งแถลงข่าวว่า “มุ่งมั่นแก้วิกฤตการณ์ประเทศ” ชึ่งถ้าหากจะตีความจากถ้อยคำที่ใช้ เราจะได้กลิ่นอายของการด้อยค่ารัฐบาลลุงตู่ว่าตลอด 8 ปีที่รัฐบาลลุงตู่บริหารประเทศนั้น
กลับมาทั้งที...อย่าให้มีปัญหา
ทันทีที่ น.ช.มาถึงสนามบิน เราก็เห็นปัญหาจากท่าทีของ น.ช.เอง และจากการต้อนรับของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง มีการพูดไปไกลถึงเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษว่าทำได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าคุก (ที่ก็ยังไม่ได้เข้าจริงๆ เลยสักวันเดียว)
ต้องกลืนเลือด...กลืนน้ำลาย จึงจะไม่ตายนะ
คำคมที่บอกว่า “ก่อนพูด เราเป็นนายคำพูด แต่พอพูดแล้ว คำพูดจะเป็นนายเรา” มันเป็นสัจธรรมจริงๆ เลย ก่อนที่เราจะพูดเราเป็นคนกำหนดว่าเราจะพูดอะไร
สำรอก...ตะคอก...ทำลาย
ทุกวันนี้ใครติดตามข่าวแล้วประมวลประเด็นต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็จะเห็นได้ว่ามีขบวนการทำลายชาติอยู่อย่างชัดเจน พวกเขาเป็นเครือข่ายที่แบ่งงานกันทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย บางคนอยู่ข้างหน้า บางคนผลุบๆ โผล่ๆ บางคนอยู่เบื้องหลัง ทำตัวเป็นอีแอบ
วันนี้อาจหลงดีใจ...วันต่อไป...ไม่แน่
แดงกับส้มเขาประกาศหย่าร้างกัน แยกทางกันแน่นอนแล้ว ตามเสียงเรียกร้องของหลายฝ่ายที่เห็นว่าการผูกติดกันเป็นข้าวต้มมัด ไม่สามารถทำให้จัดตั้งรัฐบาลได้ และจะเป็นการทำลายโอกาสของประเทศไทย เพราะรัฐบาลรักษาการมีข้อจำกัดในการทำงาน
หลงใหล...จนสมองไหล
ในประเทศไทยเวลานี้มีคนจำนวนหนึ่ง ตกเลขกันทั่วโลกแล้วจ้า
151 เป็นเสียงข้างมากของ 500 14 ล้านเป็นฉันทามติของ 52 ล้าน
แล้วยังเข้าใจอะไรผิดๆ หลายอย่าง
ทำผิด...อย่าพาล
บัดนี้พิธาที่สื่อหลายรายขนานนามให้เป็นพระเอกลิเกที่มีแม่ยก ลูกยกหลงใหลมากมาย ได้รับประกาศิตจากศาลรัฐธรรมนูญบอกให้หยุดการแสดงในฐานะ ส.ส.ชั่วคราว ตอนนี้พระเอกของด้อมส้มก็ออกมาเล่นนอกเวที
เปลี่ยนขั้ว...สลับข้าง เปิดทางเดินให้ประเทศ
ชัดเจนแล้วว่ารัฐสภาไม่เห็นชอบให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย แต่เจ้าตัวบอกว่าวุฒิสมาชิกไม่ได้ลงคะแนนไปในทำนองเดียวกับประชาชน