จุฬาฯ0แพทย์จุฬาฯยัน“วัคซีนไข้เลือดออก” ได้ประโยชน์สูงสุดในผู้ป่วยที่เคยได้รับเชื้อมาก่อน และผู้ป่วยที่ไม่เคยได้รับเฃื้อ หรือไม่แน่ใจต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ พร้อมหารือการพัฒนาวัคซีนในอนาคต

    วันที่19 ม.ค. ที่อาคารภูมิสิริคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย  มีการสัมภาษณ์พิเศษ “วัคซีนไข้เลือดออก”  โดยศ.นพ.ธีระพงษ์ ตัณฑเสถียร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในวันนี้ก็มีการประชุมเรื่องการใช้วัคซีนไข้เลทอดออก เพราะ อย่างที่ทราบกันว่าไข้เลือดออกเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียยังมีการระบาด ที่สำคัญใน4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย  ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม  โดยในประเทศไทยหากไม่มีการระบาดจะพบผู้ป่วย 3-5 หมื่นรายต่อปี และหากมีการระบาดจะพบผู้ป่วยประมาณแสนราย 

    ศ.นพ.ธีระพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ทั้งกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลต่างๆก็มีการใช้กลยุทธ์ต่างๆเพื่อลดการเจ็บป่วยดังกล่าว โดยเฉพาะการควบคุมการเกิดยุง ซึ่งเป็นพาหะของโรค ในการดำเนินการถือว่าทำได้ดี แต่ทั้งนี้วัคซีนป้องกันก็ยังมีความสำคัญ ซึ่งก็มีการวิจัยวัคซีนเพื่อใช้ในการป้องกันหลายตัว และสำเร็จไปแล้ว 3ตัว ในส่วนของประเทศไทยได้มีการขึ้นทะเบียนนำวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อเดงกี่มาใช้ในการป้องกันการเกิดโรคและ ลดค่าจ่ายการนอนโรงพยาบาล แล้ว 1 ชนิด โดยจะใช้ฉีดคนอายุตั้งแต่ 9-45 ปี ซึ่งวัคซีนดังกล่าวได้ฉีดในเด็กฟิลิปปินส์แล้วหลายแสนโดส ส่วนในไทยมีการใช้แล้วประมา 1 หมื่นโดส

    “พบว่าวัคซีนจะได้ประโยชน์สูงสุดในคนที่เคยป่วยมาก่อน  แต่ในผู้ที่ไม่เคยเกิดโรคมาก่อนกลับพบว่ามีการนอน รพ.มากขึ้น กว่าคนที่ไม่ฉีด  ดังนั้น ผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อนหรือไม่แน่ใจว่าเคยติดเชื้อหรือไม่ควรรับคำแนะนำจากแพทย์ที่ถูกต้องก่อนการฉีด  ส่วนผู้ที่ฉีดไปแล้วต้องมีการคุยว่าต้องการฉีดหรือไม่ แต่โดยทั่วไปก็ควรฉีดให้ครบ 3 โดส ซึ่งในไทยยังไม่มีคนที่ได้รับการฉีดครบทุกโดส โดยการประชุมในวันนี้มีสาระสำคัญพบว่าวัคซีนยังมีประโยชน์ในผู้ติดเชื้อมาก่อน และมีการพูดคุยกันถึงการพัฒนาวัคซีนในอนาคตด้วย”ศ.นพ.ธีระพงษ์ กล่าว.
------------------------