กระทรวงคมนาคม ยันไม่มีนโยบายขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะทุกชนิด ทั้งรถเมล์ รถไฟ เรือโดยสาร เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน แจงค่าโดยสารเคื่องบิน มีโครงสร้างผันแปรตามราคาน้ำมันอยู่แล้วย้ำเป็นไปตามมาตรฐานสากล

26พ.ค.61-นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากราคาพลังงานได้ปรับขึ้นราคาในตลาดโลก ส่งผลมาถึงราคาน้ำมัน และเชื้อเพลิงที่เกี่ยวข้องอันเป็นต้นทุนต่อภาคการขนส่งที่ให้บริการประขาชนในขณะนี้ นั้น  กระทรวงคมนาคมมีนโยบายที่ขัดเจนในการตรึงอัตราค่าบริการ  ทั้งในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ  รถไฟ ที่เป็นของรัฐ มิให้มีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชาชน

นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชน ให้ชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารที่ให้บริการ ทั้งในส่วนของรถร่วม ขสมก. ที่ให้บริการในกรุงเทพมหานคร และรถร่วม บขส. ที่ให้บริการระหว่างจังหวัด ตลอดจนผู้ประกอบการ เรือโดยสาร ซึ่งขณะนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดี  และเสียสละจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการดูแลอัตราค่าครองชีพของประชาชนมิให้เพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้ โดยจะได้หารือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบให้หาแนวทางมาตรการเยียวยา ช่วยเหลือผู้ประกอบการในด้านอื่นๆต่อไป

 ส่วนกรณีที่เป็นข่าวว่าการรถไฟฯเสนอขอปรับอัตราค่าบริการีถไฟชั้น 3 ต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ภายใต้แผนฟื้นฟู นั้น เป็นเพียงผลการศึกษาในการฟื้นฟูกิจการรถไฟฯ ที่มิได้มีการปรับอัตราค่าโดยสารชั้น 3 มาโดยตลอดระยะเวลา กว่า 30 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น และไม่มีผลในการปฏิบัติในขณะนี้แต่อย่างใด เนื่องจากการปรับอัตราค่าโดยสารชั้น 3 ยังไม่มีการเสนอคณะกรรมการบริหารรถไฟให้ความเห็นชอบ ดังนั้น จึงไม่ใช่ความจริงที่จะปรับขึ้นราคาในเวลานี้

นายสรพงศ์กล่าว่า ในส่วนของการปรับราคาค่าโดยสารของสายการบินไทยในเที่ยวบินระหว่างประเทศ ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า โครงสร้างราคาของอัตราค่าโดยสารในเที่ยวบินระหว่างประเทศนั้นมีโครงสร้างราคาที่แปรผันตามโครงสร้างราคาน้ำมันในตลาดโลกอันเป็นโครงสร้างราคาที่เป็นสากลทั่วไปที่สายการบินพาณิชย์ทั่วโลกปฏิบัติ ซึ่งในยามที่ราคาค่าน้ำมันในตลาดโลกลดลงในห้วงเวลาที่ผ่านมา อัตราค่าโดยสารก็มีราคาลดต่ำลง ดังนั้น กระทรวงคมนาคม และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะร่วมมือกัน มิให้อัตราค่าแปรผันราคาน้ำมันมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของในประเทศตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป