ธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ คิดให้เร็ว คิดให้เป็นระบบ


เพิ่มเพื่อน    



ในยุคสมัยปัจจุบัน เมื่อพูดถึง “แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้” หรือ ACE ที่ประกอบธุรกิจวิจัยและพัฒนาด้านพันธุ์พืชพลังงาน ไม่มีใครไม่รู้จัก ที่ผู้บริหาร (CEO) มีวิสัยทัศน์ที่เด่นชัด คือ จะเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด รับผิดชอบสิ่งแวดล้อมและสังคม หลักๆ ที่ดำเนินธุรกิจเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดมาตั้งแต่แรกๆ เกือบ 10 ปีที่แล้ว สมัยคนที่ยังไม่ค่อยพูดกันในเรื่องนี้


วันนี้ “อาทิตย์เอกเขนก” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (​มหาชน) หรือ ACE ที่เล่าว่า สมัยก่อนคนยังคิดว่าพลังงานหมุนเวียนเป็นของแพง หากจำกันได้สมัยก่อนมีข้อถกเถียงกันเรื่อง Fossil Fuels หรือพลังงานที่มาจากปิโตรเลียมถูกสุดแล้ว คุณอย่าไปทำเลยพลังงานหมุนเวียน มันแพง เพราะสมัยนั้นถ้าจำกันได้โซลาร์ลงทุนเมกะวัตต์หนึ่งประมาณ 120 ล้าน วันนี้เหลือประมาณ 20 ล้าน ลงเร็วมาก ในขณะที่ชีวมวลสมัยก่อนบ้านเรายังแทบไม่มีคนทำ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าทางเจ้าของและผู้ก่อตั้ง เนื่องจากท่านทำเกษตรอุตสาหกรรมมาก่อน

ธนะชัย เล่าว่า ได้เข้ามาร่วมงานที่บริษัทเกือบๆ 4 ปีที่แล้ว สิ่งที่เลือกก่อนคือ แน่นอนนอกจากนายเลือกเรา เราก็เลือกนายเหมือนกันเป็นธรรมดา ต้องดูว่าปรัชญาในการทำธุรกิจคืออะไร ซึ่งสิ่งที่เห็นอย่างแรกคือ ทั้ง “คุณจิรฐา-ท่านวิระชัย ทรงเมตตา” เป็นคนที่ทำงานจริงจัง เป็นนักอุตสาหกรรมมาก่อน เป็นนักเกษตรอุตสาหกรรมมาก่อน ตรงไปตรงมา ทำอะไรด้วยความตั้งใจ พร้อมตั้งเป้าว่าจะเป็นบริษัทชั้นนำของโลกในเรื่องของพลังงานหมุนเวียน
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดว่า จริงๆ พลังงานหมุนเวียนสมัยก่อน แม้กระทั่งโรงไฟฟ้าธรรมดามันดูว่าจะเป็นยาขมสำหรับชาวบ้าน มันเหมือนกับว่าคุณไปอยู่ที่ไหนชาวบ้านเดือดร้อน ก็เลยมองว่า จริงๆ มันไม่ใช่ ถ้าทำให้ดี นอกจากไม่สร้างความเดือดร้อนแล้ว “ชาวบ้านได้ประโยชน์ ประเทศได้ประโยชน์”

ธนะชัย เล่าอีกว่า สมัยก่อนตอนที่เริ่มกิจการเรายังต้องพึ่งพิงน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติที่ต้องสั่งจากต่างประเทศ นั่นหมายถึงอนาคตความเสี่ยงของประเทศคือการพึ่งพิงพลังงานภายนอกมหาศาล หากวันหนึ่งถูกตัดตอน ตัดท่อส่ง คือประเทศไฟดับ (back out) จะเกิดปัญหาตามมา เงินก็ออกไปต่างประเทศทุกวันๆ เพราะฉะนั้นหากสามารถทำได้เองและพึ่งพิงตัวเองได้มากที่สุด คือใช้พลังงานที่มีอยู่ในประเทศ อันนี้มันก็น่าจะเป็นการตอบโจทย์ และเป็นการยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรได้

ดังนั้น ที่ผ่านมาจึงได้ทำโรงไฟฟ้า ที่อยู่ข้างชุมชนแล้ว นอกจากไม่สร้างปัญหายังช่วยแก้ปัญหาให้ชุมชนด้านมลพิษที่เคยมีจากการเผา โดยประชาสัมพันธ์และเชิญชวนชาวบ้านว่าไม่ต้องเผา ให้มาเผาที่เรา ชาวบ้านก็มีงานทำ คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้น

เมื่อถามว่าก้าวมาถึงจุดสูงสุดของชีวิตที่ต้องการแล้วหรือยัง ธนะชัย เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาไม่เคยกำหนดจุดสูงสุดในชีวิตของตัวเอง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะสูงสุดตรงไหน ถามว่าเป็นคนที่ชอบความท้าทายไหม ก็ใช่ ถ้าอยู่ในกรอบที่เรียกว่า Comfort Zone นานๆ จะรู้สึกเบื่อ พยายามขยายขอบเขตให้มากขึ้น ลองทำอะไรใหม่ๆ ทำอะไรที่ยากขึ้น มองว่าคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีสีสัน

ขณะเดียวกันก็ไม่เคยกำหนดตัวเองว่า ต้องทำให้ถึงจุดไหนจึงจะถึงจุดสูงสุดของเราแล้ว เช่น ต้องมีเงินเท่านี้ ซึ่งเงินก็ไม่ใช่คำตอบของชีวิต ถ้าเลือกเงิน คงทำธุรกิจส่วนตัวไปแล้ว แต่ด้วยส่วนตัวไม่ชอบจุกจิก ไม่ชอบเครียด สมมุติการมีเงิน 1 ล้าน กับการมีเงิน 10 ล้านแล้วความสุขมันจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น สำหรับตนแล้วถ้าเทียบกัน เรื่องเวลากับเรื่องเงิน จะให้คุณค่ากับเวลามากกว่า

ส่วนเรื่องแบ่งเวลาให้ครอบครัวนั้น ธนะชัย บอกว่า ตั้งแต่เริ่มทำงาน ตั้งโจทย์กับตัวเองว่า จะไม่เอางานกลับไปที่บ้าน เพราะเชื่อว่าสมัยทำงานแรกๆ ตอนจบใหม่ๆ ไปทำงานรู้สึกว่าทำเยอะๆ ไม่มีเวลา ดูเครียดๆ ดูเท่ ดูคูล จริงๆ ไม่ใช่เลย ถ้าเรารู้จักจัดการเวลา ทำให้เร็ว คิดให้เร็ว คิดให้เป็นระบบ จริงๆ เราไม่ต้องใช้เวลาไปกับงาน จะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาเสมอ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน การที่เรารู้จักคิด รู้จักมีระบบ ที่ผ่านมาใช้วิธีนี้ตลอด โดยส่วนตัวเป็นคนทำงานเร็ว คิดเร็ว จะพยายามทำงานให้มันจบในเวลา พอกลับบ้านก็ไม่มีการเอางานกลับไปอีก กลับบ้านก็อยู่กับลูก เล่นกับสุนัข ก็จะเป็นแบบนั้น ชีวิตผมก็จะง่ายๆ ไม่ได้หรูหรา รถยนต์ก็ใช้ง่ายๆ ไม่ต้องใช้เป็นสปอร์ตคาร์

ธนะชัย เล่าต่อว่า มีบุตร 2 คน สิ่งที่ให้เขาได้เต็มที่คือ “เรื่องการศึกษา” รู้สึกว่าโลกอนาคตน่ากลัวสำหรับเด็ก จริงๆ โลกมันเปลี่ยนเร็วมาก มองว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่ผ่านมาบอกลูกเสมอว่าไม่ได้เป็นคนร่ำรวยนะ ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติมากมาย เราเกิดมาจากครอบครัวที่ไม่ได้มีอะไร แต่วันนี้สิ่งที่ให้ได้ก็คือเรื่องการศึกษา ซึ่งให้ได้เต็มที่

เพราะโลกมันไม่ได้อยู่แค่เมืองไทยแล้ว มันไปทั่วโลก แข่งกันทั่วโลก ถ้าไม่ให้อาวุธเขาไว้ก็เป็นห่วงเขาอีก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"