พาณิชย์โวค้าขายกับคู่ค้าเอฟทีเอไตรมาสแรกโต 10%


เพิ่มเพื่อน    

 

3 พ.ค. 2564 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทยในไตรมาสแรกของปี 2564 (ม.ค.-มี.ค.) พบว่า การค้าของไทยกับประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) มีการขยายตัวทั้งมูลค่าการค้ารวมและการส่งออก โดยการค้ารวมของไทยกับ 18 ประเทศคู่เอฟทีเอ มีมูลค่า 81,125 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งถือว่ามีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าการค้าระหว่างไทยกับตลาดโลก (การค้ารวมกับตลาดโลก เพิ่ม 6%) คิดเป็นสัดส่วน 63.5% ของการค้าของไทยทั้งหมด

ทั้งนี้ เมื่อจำแนกรายประเทศ พบว่า การค้ารวมกับประเทศคู่เอฟทีเอส่วนใหญ่ขยายตัวเป็นที่น่าพอใจ เช่น จีน เพิ่ม 26% ญี่ปุ่น เพิ่ม 11% ออสเตรเลีย เพิ่ม 30% เกาหลีใต้ เพิ่ม 13% อินเดีย เพิ่ม 17% มาเลเซีย เพิ่ม 16% เวียดนาม เพิ่ม 14% ฟิลิปปินส์ เพิ่ม 6% ลาว เพิ่ม 16% นิวซีแลนด์ เพิ่ม 12% ชิลี เพิ่ม 10% และเปรู เพิ่ม 12% เป็นต้น

ส่วนการส่งออกของไทยไป 18 ประเทศคู่เอฟทีเอ ไตรมาสแรกของปี 2564 มีมูลค่า 39,249 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 3% คิดเป็นสัดส่วน 61.2% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 นับตั้งแต่เดือนมค.2564 และมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าการส่งออกรวมไปตลาดโลก (การส่งออกไปตลาดโลก เพิ่ม 2%) โดยกลุ่มสินค้าส่งออกที่ขยายตัวได้ดีในประเทศคู่เอฟทีเอ ได้แก่ กลุ่มสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ส่งออกมูลค่า 6,911 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 10% สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เครื่องเทศและสมุนไพร ผักสดแช่เย็นแช่แข็ง อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป และผลไม้กระป๋องและแปรรูป และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ส่งออกมูลค่า 30,435 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 2.7% สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และวงจรไฟฟ้า

“จากสถิติการค้าในช่วงไตรมาสแรก เห็นได้ว่าการค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจการค้าโลกและเศรษฐกิจการค้าของประเทศคู่ค้าสำคัญที่ขยายตัว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยสินค้าไทยมีศักยภาพในการผลิตและการส่งออกสูง รวมทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาด จึงขอให้ผู้ประกอบการและภาคการผลิตของไทยใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษภายใต้ความตกลงการค้าเสรีที่ไทยมีกับประเทศคู่ค้าต่างๆ ให้เต็มที่ นอกจากสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันให้กับสินค้าไทย แต้มต่อทางภาษีในการส่งออก และการอำนวยความสะดวกทางการค้าแล้ว ผู้ประกอบกยังสามารถนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบในราคาถูกลง ลดต้นทุนด้านวัตถุดิบได้อีกด้วย”นางอรมนกล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"