GULF โชว์กำไรไตรมาส 1 เพิ่มขึ้น 158%


เพิ่มเพื่อน    


14 พ.ค. 2564 - รายงานข่าวจากบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 2,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,465 ล้านบาท หรือคิดเป็น 158% จากไตรมาส 1 ปี 2563 โดยสาเหตุหลักมาจากรับรู้รายได้เงินปันผลจาก INTUCH จำนวน 683 ล้านบาท , รับรู้ผลกำไรของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล Borkum Riffgrund 2 (BKR2) ในประเทศเยอรมนี จำนวน 400 ล้านบาทตามสัดส่วนการถือหุ้น 50% และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ปตท. จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (PTT NGD) จำนวน 52 ล้านบาทจากการที่ GULF เข้าไปลงทุนในสัดส่วน 40% ในเดือนธ.ค. 2563 

รวมถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มโรงไฟฟ้า 12 SPP ภายใต้กลุ่ม GMP เนื่องจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มบรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังรับรู้กำไรเต็มไตรมาสของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลกัลฟ์ จะนะ กรีน (GCG) เทียบกับปีก่อนที่รับรู้เพียง 1 เดือน นับจากวันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 มี.ค. 2563

ขณะที่ในไตรมาส 1/64 บริษัทฯ มีรายได้รวม  9,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จาก 7,639 ล้านบาทใน  ไตรมาส 1 ปี 2563 จากการรับรู้รายได้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ที่เยอรมนี จำนวน 1,629 ล้านบาท และรายได้เงินปันผลจาก INTUCH จำนวน 683 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายในไตรมาส 1/74 เท่ากับ 33% เพิ่มขึ้นจาก 24% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมมีต้นทุนที่ต่ำกว่าโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอย่างมีสาระสำคัญ ในขณะที่อัตรากำไร (EBITDA) เท่ากับ 51.7% เพิ่มขึ้นจาก 37.7%

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 1,632 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนสุทธิ 413 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2563 สาเหตุหลักมาจากการบันทึกผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงที่ลดลงจากอัตราแลกเปลี่ยน ของการแปลงค่าเงินกู้ยืมสกุลดอลลาร์สหรัฐ โดยรายการดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดและผลประกอบการของบริษัทฯ แต่อย่างใด

สำหรับปี 2564 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้าที่จะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ได้แก่ โครงการ GSRC หน่วยที่ 1 และ 2 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,325 เมกะวัตต์ โดยหน่วยที่ 1 (662.5 เมกะวัตต์) ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปแล้วเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 และหน่วยที่ 2 มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2564, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเวียดนาม (Mekong Wind) ระยะที่ 1-3 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 128 เมกะวัตต์ จะเริ่มทยอยจำหน่ายไฟฟ้าระหว่างไตรมาส 2-3 ปีนี้ และโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ประเทศโอมาน (DIPWP) จำนวน 326 เมกะวัตต์ ระยะที่ 1 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 40 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3 ปีนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 7,903 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2564
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"