คมนาคม เดินหน้าเปิดประมูลรถไฟไทย-จีนเฟส 2ภายในปีนี้ คาดเริ่มก่อสร้างภายในปลาย ปี62  ชงครม.รอเจรจาคลังหารือทั้งเรื่องดอกเบี้ย ระยะเวลาชำระหนี้

1 มิ.ย.61-นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมเปิดเผยว่าความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีนเฟสแรกช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาทแบ่งออกเป็นค่างานก่อสร้าง 1.25 แสนล้านบาทและค่างานระบบ 5.4 หมื่นล้านบาท โดยงานก่อสร้างแบ่งเป็น 14 สัญญา ขณะนี้ในสัญญาการก่อสร้างตอนที่ 1 ช่วงกลางดง-ปางอโศกระยะทาง 3.5 กิโลเมตรแรกซึ่งกรมทางหลวงดำเนินการนั้นดำเนินการไปได้ตามแผน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่การออกแบบ สัญญาก่อสร้างตอนที่ 2 ช่วงปากช่อง - ขนานจิตร ระยะทาง 11 กม. วงเงิน 5 พันล้านบาท หลังจากได้รับอนุมัติเห็นชอบแล้วจะเดินหน้าจัดทำร่างเอกสารเงื่อนไขการประกวดราคา(ทีโออาร์) เพื่อเปิดประมูลในเดือนส.ค.นี้ก่อนตอกเสาเข็มในเดือน พ.ย. 

สำหรับแบบก่อสร้างตอน 3 ช่วงแก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 119.5กม.นั้นจะแบ่งเปิดประมูล 6 สัญญา คาดว่าจะประกวดราคาได้ภายในเดือนก.ย.นี้ก่อนเริ่มก่อสร้างในเดือนมี.ค. 62 เช่นเดียวกันกับตอนที่ 4 ช่วงบางซื่อ-แก่งคอย ระยะทาง 119 กม.แบ่งเปิดประมูล 6 สัญญา ภายในเดือนพ.ย.นี้ก่อนเริ่มก่อสร้างในเดือนเม.ย. 62 

นายอาคมกล่าวต่อว่าขณะที่ความคืบหน้ารถไฟไทย-จีน เฟส 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 300 กม. นั้นขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างออกแบบงานก่อสร้างโยธา งานวางรางและระบบอาณัติสัญญาณ โดยฝ่ายจีนได้ขอร่วมออกแบบรายละเอียดและความเหมาะสมด้วยเนื่องจากเฟส 2 ต้องไปเชื่อมกับรถไฟความเร็วสูงของสปป.ลาวจึงมีความซับซ้อนด้านงานเทคนิค อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเร่งเสนอโครงการเฟส 2 ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติภายในปลายปีนี้ โดยตั้งเป้าเริ่มงานก่อสร้างภายใน ธ.ค. 262 โดยฝ่ายจีนเสนอว่าต้องเร่งงานก่อสร้างเฟส 1และเฟส 2 ให้แล้วเสร็จใกล้เคียงกันเพื่อเปิดเดินรถได้ตลอดเส้นทาง 

นายอาคมกล่าวต่อว่าสำหรับความคืบหน้าสัญญาที่ 2.3 งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาทนั้นขณะนี้ยังเจรจาไม่ได้ข้อสรุปยังติดปัญหาหลายด้านทั้งเรื่องสเปคงานก่อสร้างต่างๆรวมถึงเรื่องข้อกฎหมายของไทย 

อย่างไรก็ตามส่วนเรื่องแหล่งเงินกู้เพื่อลงทุนสัญญา 2.3 นั้นยังต้องเจรจากับกระทรวงการคลังทั้งเรื่องดอกเบี้ย ระยะเวลาชำระหนี้และเงื่อนไขหากผิดสัญญา โดยฝ่ายจีนได้ขอให้มีบทลงโทษเรื่องการยึดสัญญาก่อสร้างหากเอกชนทำงานล่าช้า ซึ่งฝ่ายไทยไม่มีกฎหมายรองรับให้ดำเนินการดังกล่าวได้จึงต้องหารืออย่างใกล้ชิดกันอีกครั้งในเรื่องข้อกฎหมาย