ปฏิรูปตำรวจถ่วงดุลก.ตร. ชงตั้งศาลพิทักษ์คุณธรรม


เพิ่มเพื่อน    

  ปฏิรูปตำรวจไอเดียกระฉูด ตั้งศาลพิทักษ์คุณธรรม ก.พ.ค.ตร. ตัดสินเรื่องร้องทุกข์ ตร. ไม่พอใจยื่นศาลปกครองสูงสุดซ้ำได้ พร้อมกำหนดคุณธรรมแต่งตั้ง-เลื่อนตำแหน่งใน กม. แค่คำนึงหลักอาวุโส ห้ามดึงการเมืองปน

    นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯ ได้พิจารณาเรื่องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ซึ่งจะเป็นองค์กรใหม่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่จะทำหน้าที่วินิจฉัยอุทธรณ์และเรื่องร้องทุกข์ทั้งปวงของข้าราชการตำรวจ ทำหน้าที่เสมือนเป็นศาลปกครองชั้นต้น 
    เขาบอกว่า นอกจากจะเพื่อผดุงความเป็นธรรมให้กับข้าราชการตำรวจแล้ว ยังจะเป็นการถ่วงดุลกับคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) อีกด้วย โดยการวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์เฉพาะประเด็นที่ว่ากฎ ก.ตร. ขัดหรือแย้งกับ พ.ร.บ.ตำรวจฯ หรือไม่ และให้คำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.เป็นที่สุด แต่หากไม่พอใจคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. ผู้อุทธรณ์หรือร้องทุกข์ยังสามารถฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ ทั้งนี้ ปัจจุบันหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และเรื่องร้องทุกข์เป็นของ ก.ตร.
    นายคำนูณเผยว่า นอกจากเพื่อคุ้มครองระบบคุณธรรม ในกรณีที่ ก.พ.ค.ตร.เห็นว่ากฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใดที่ออกตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯ และมุ่งหมายให้ใช้บังคับเป็นการทั่วไป ไม่สอดคล้องกับระบบคุณธรรม ให้แจ้งให้ผู้มีอำนาจออกกฎ ระเบียบ หรือคำสั่งดังกล่าวทราบ เพื่อดำเนินการแก้ไขหรือยกเลิกตามควรแก่กรณี 
    โดยระบบคุณธรรมที่จะได้บัญญัติขึ้นไว้ใหม่ในร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯ ฉบับใหม่ มีดังนี้ 
    1.การรับบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต้องคำนึงถึงอาวุโส ความรู้ความสามารถของบุคคล ความเสมอภาค ความเป็นธรรม ประโยชน์ของทางราชการ และความพึงพอใจของประชาชน 2.การบริหารทรัพยากรบุคคล ต้องคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพขององค์กรและลักษณะของงาน โดยไม่เลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม 
    3.การพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตำแหน่ง และการให้ประโยชน์อื่นแก่ข้าราชการตำรวจ ต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม โดยพิจารณาจากอาวุโส ผลงาน ศักยภาพ และความประพฤติ โดยจะนำความคิดเห็นทางการเมืองหรือสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณามิได้ 
    4.การดำเนินการทางวินัย ต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรมและโดยปราศจากอคติ 
    และ 5.การบริหารทรัพยากรบุคคลต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง 
    นายคำนูณกล่าวว่า ก.พ.ค.ตร.มีองค์ประกอบ 7 คน อายุไม่ต่ำกว่า 45 ปี และไม่เกิน 70 ปี ทำงานเต็มเวลา โดยมีวาระ 6 ปี ดำรงตำแหน่งได้วาระเดียว ทั้งนี้ ให้เลขาธิการ ก.พ. เป็นเลขาธิการ ก.พ.ค.ตร. และผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เป็นผู้ช่วยเลขาธิการ 
    อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการ ก.พ.ค.ตร.จากผู้มีคุณสมบัติที่ได้รับการคัดเลือก โดยคณะกรรมการคัดเลือกจะประกอบด้วย ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธาน, รองประธานศาลฎีกาที่ได้รับมอบหมายจากประธานศาลฎีกา 1 คน, กรรมการ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับเลือกโดย ก.ตร. 1 คน และเลขาธิการ ก.พ. ทั้งนี้ ประธาน ก.พ.ค.ตร. มาจากการเลือกกันเองของ ก.พ.ค.ตร. 
    สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับการคัดเลือกให้เป็นกรรมการ ก.พ.ค.ตร. จะมาจาก 6 กลุ่ม คือ กลุ่มอดีตข้าราชการพลเรือน กลุ่มอดีตข้าราชการตำรวจ กลุ่มอดีตข้าราชการทหาร กลุ่มอดีตข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม หรือศาลปกครอง กลุ่มอดีตข้าราชการอัยการ และกลุ่มนักวิชาการในสถาบันอุดมศึกษา.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"