7 ยักษ์โลกเสรี “โชว์พาว”!


เพิ่มเพื่อน    

     ภาพ “ครอบครัว G7” ในบรรยากาศใหม่ภายใต้ภัยคุกคามโควิด-19

            รูปหมู่ของผู้นำทั้ง 7 ที่ชายหาดที่ Cornwall ทางใต้ของอังกฤษ ตอกย้ำการรวมพลังของโลกเสรีนิยมตะวันตกภายใต้แรงผลักดันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก่อนการประชุมสุดยอดที่เริ่มวันเสาร์

            ขวาสุดจะเห็นนายกฯ เยอรมนี อัง​เกลา แมร์เคิล หลังจากอยู่ในตำแหน่งนี้มา 16 ปี

            ครั้งนี้จะเป็นการประชุมสุดยอด G7 ครั้งสุดท้ายก่อนเธอก่อนจะก้าวลงจากการเมืองหลังการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกันยายนนี้

            เจ้าภาพ นายกฯ อังกฤษบอริส จอห์นสัน อยู่ตรงกลางแถวหน้า โดยมีประธานาธิบดีไบเดนอยู่ด้านซ้าย

และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสประกบอยู่ด้านขวา

            แถวหลังคือนายกฯ ญี่ปุ่น โยชิฮิเดะ ซูกะ และนายกฯ อิตาลี มาริโอ ดรากี

            ทั้งสองมาร่วมประชุมสุดยอดนี้เป็นครั้งแรก

            ซูกะคุ้นเคยกับผู้นำระดับโลกเพราะสมัยเป็นมือขวาของอดีตนายกฯ ชินโซ อาเบะ ก็มาร่วมกิจกรรมระดับโลกเช่นนี้บ่อยๆ

            ส่วนนายกฯ อิตาลีคนนี้ก็เป็นมือเก๋าในแวดวงการประชุมระดับยักษ์ เพราะเคยเป็นประธานของธนาคารกลางยุโรปมาก่อน

            บรรยากาศของผู้นำระดับโลก 7 คนปีนี้แตกต่างไปจากปีก่อนๆ ตอนที่โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำสหรัฐฯ

            ตอนนั้นทรัมป์หาเรื่องทะเลาะกับพันธมิตรเก่าแก่ในหลายเรื่อง อีกทั้งยังถอนอเมริกาออกจาก Paris Agreement และเดินออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน

            หัวข้อการพบปะของผู้นำโลกครั้งนี้เน้นเรื่องโควิด โดยเตรียมจะประกาศร่วมกันบริจาควัคซีน 1,000 ล้านโดสให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก

            แต่แค่ 1,000 ล้านโดสอาจจะน้อยไป

            หัวหน้าด้านแผนนโยบายขององค์กร Oxfam ออกมาแย้งว่า หากประเทศที่ร่ำรวยที่สุดของโลกสามารถบริจาคเพียง 1,000 ล้านโดสก็จะเป็นเพียง “หยดน้ำในมหาสมุทร” เท่านั้น

            ถือว่าเป็นความล้มเหลวของผู้นำระดับโลกกลุ่มนี้

            เพราะทั่วโลกต้องการวัคซีน 11,000 ล้านโดสจึงจะมีศักยภาพที่จะเอาชนะโคโรนาไวรัสตัวนี้ได้

            “พวกเขากำลังเดินมาถูกทาง แต่ไม่ไกลมากพอ และไม่เร็วมากพอ” ผู้อำนวยฝ่ายความสัมพันธ์กับรัฐบาล ของสถาบันด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ Wellcome บอก

            เขายืนยันว่าสิ่งที่โลกต้องการคือการกระจายวัคซีนตอนนี้ ไม่ใช่ปีหน้า

            เขาบอกว่า นี่เป็นจังหวะแห่งประวัติศาสตร์ที่กลุ่ม G7 ต้องแสดงความเป็นผู้นำในภาวะวิกฤติ

            หากผู้นำกลุ่มนี้ไม่แสดงออกถึงความกล้าหาญและการพร้อมจะเสียสละ ก็จะถือว่าเป็นการตอกย้ำถึงการล่มสลายของประชาคมโลก

            นายกฯ บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษกล่าวในคำปราศรัยเปิดงานว่า ผู้นำของโลกต้องเรียนรู้จาก “ความผิดพลาด” ของวิกฤติการเงินโลกเมื่อปี 2008

            และต้องหาวิธีการที่จะตั้งรับกับ “รอยแผลแห่งความเหลื่อมล้ำ” ระหว่างประเทศร่ำรวยกับชนชาติที่ยากจน

            อีกหัวข้อหนึ่งที่สำคัญคือเรื่องโลกร้อน

            สหรัฐฯ กับอังกฤษจะผลักดันให้มีการเอ่ยถึง “ภัยคุกคามจากจีน” ที่เริ่มจะมีอิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์มากขึ้น

            และแน่นอนว่ารัสเซียก็จะเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่อยู่ในวาระการประชุม ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ

            นักข่าวถามโจ ไบเดน ว่า จะบอกปูตินว่าอย่างไรในการพบปะกันสองต่อสองในวันที่ 16 มิถุนายนนี้

            ไบเดนตอบ: “ผมจะบอกพวกคุณหลังจากที่ผมได้บอกปูตินแล้ว”

            ประโยคที่เด็ดกว่านั้นเห็นจะเป็นถ้อยคำหยอกเอินจากพระราชินีแห่งอังกฤษที่ทรงกล่าวลอยๆ กับผู้นำทั้ง 7 ประเทศ ขณะกำลังจะทรงร่วมถ่ายรูปหมู่กับผู้นำ G7 ว่า

            “Are you supposed to be looking as if you’re enjoying yourself?”

            “พวกท่านกำลังต้องทำสีหน้าเหมือนกำลังมีความสุขใช่ไหม?”

            อาจจะเป็นเพราะพระองค์ทรงเห็นว่าหัวข้อที่กำลังจะถกแถลงกันนั้นช่างท้าทายและหนักหน่วงสำหรับทุกคนเหลือเกิน

            จะเครียดแค่ไหนก็ยิ้มเข้าไว้, ว่างั้นเถอะ.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"