'บิ๊กตู่'สยบรอยร้าว! สั่งเลขาฯสมช.-อธิบดีคร.-ผู้ว่าฯกทม.เคลียร์โกลาหลวัคซีน


เพิ่มเพื่อน    

14 มิ.ย. 64 - ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพานิช เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ( ผอ.ศปก.ศบค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงข่าวชี้แจงหลังเกิดกรณีปัญหาความขัดแย้งการกระจายวัคซีนโควิด-19 ระหว่างกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกระทรวงสาธารณสุข 

โดยพล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขอยืนยันว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ศบค.บูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของวัคซีนทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทุกส่วนราชการตั้งไจทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ มีประชากรไทยมีทั้งหมด 67 ล้านคน นโยบายของนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค. ต้องการให้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคนในประเทศ รวมทั้งชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยประมาณ 2.6 ล้านคน โดยกระทรวงสาธารณสุข มีหลักการว่าการฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่นั้นจะต้องฉีดร้อยละ 70 ซึ่งจะต้องฉีดให้กับประชากรจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 50 ล้านคน เมื่อมีเป้าหมายเช่นนี้ เราจึงจำเป็นต้องเตรียมวัคซีนสำหรับประชากร 50 ล้านคน คือ 100 ล้านโดส 
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีการเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วจำนวน 100 ล้านโดสในปี 2564 โดยแบ่งเป็นซิโนแวกประมาณ 8 ล้านโดส แอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส ไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน อีก 5 ล้านโดส รวมเป็น 94 ล้านโดส ซึ่งในส่วนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5 ล้านโดส จะมีค่าของวัคซีนมากกว่าชนิดอื่น 2 เท่า จึงทำให้ถ้าเรารวมวัคซีนทั้งหมดเรามีวัคซีนประมาณ 99 ล้านโดส นอกจากนั้นในปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมจัดการหาซื้อเพิ่มเติม จึงยืนยันได้เลยว่าวัคซีนของประเทศไทยมีเพียงพอ สำหรับประชาชนที่จะฉีดให้กับประชาชนจำนวน 50 ล้านคน ภายในปี 2564 อย่างแน่นอน

สำหรับแผนการฉีดวัคซีนที่ ศบค.หารือกับกระทรวงสาธารณสุข โดยตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.เป็นต้นมาถือเป็นวาระแห่งชาติ ในการฉีดวัคซีนโดยในเดือนมิ. ย.จะมีการฉีดวัคซีนประมาณ 6 ล้านโดส เดือนถัดๆ ไป จะฉีดเดือนประมาณเดือนละ 10 ล้านโดสเป็นอย่างน้อย ทำให้เราสามารถฉีดวัคซีนครบเข็มแรกจากจำนวนประชากร 50 ล้านคน ภายในประมาณเดือนก.ย.หรืออย่างช้าเดือนต.ค.

“การวางแผนที่ดีที่สุดและไม่เกิดปัญหาเลยคือ เมื่อได้วัคซีนมาแล้วค่อยมาวางแผนฉีดแต่จะทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการ เพราะฉะนั้น ศบค.จึงร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขวางแผนล่วงหน้า หรือประมาณการว่าวัคซีนนั้นจะเข้ามาอย่างไร ดังนั้น เมื่อเกิดความคาดเคลื่อนกรณีที่วัคซีนไม่เข้ามาตามแผนก็ต้องมีการปรับแผน ดังนั้น การเตรียมการล่วงหน้า การจองเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีน จึงทำให้ต้องมีการเลื่อนกันบ้าง ซึ่งต้องกราบขออภัยประชาชน แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวม ผมยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามกำหนดการ และเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละเดือน จึงมีความจำเป็นที่ต้องเลื่อนการฉีดบ้าง แต่ก็มีการเตรียมการแก้ปัญหาเมื่อวัคซีนเข้ามา คนที่ถูกเลื่อนออกไปจะได้รับการฉีดในอันดับแรกๆ และยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ศบค.ร่วมหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทุกหน่วยงาน และทุกส่วนราชการทั้ง สาธารณสุข มหาดไทย ต่างประเทศ หรือ กทม.ยืนยันว่าบูรณาการงานกันอย่างสอดคล้อง การทำงสนเป็นไปด้วยดี” พล.อ.ณัฐพล ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะแก้ปัญหาความไม่เชื่อมั่นของประชาชนกรณีเรื่องวัคซีนการเมืองอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวยืนยันว่า ไม่มีวัคซีนทางการเมืองอย่างแน่นอน ยืนยันว่าทุกคนทำงานตามกรอบและนโยบาย ศบค.ยืนยันว่าไม่มีประเด็นดังกล่าวแน่นอน

“ขอยืนยันอีกครั้งว่า ตั้งแต่เข้ามาบริหารสถานการณ์สถานการณ์โควิดมาเป็นเวลากว่า14 เดือน ผมรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เกิดเป็นคนไทยเ พราะเราได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศต่างๆ ทั่วโลก พบว่าคนไทยให้ความร่วมมือกับมาตรการของ ศบค.เป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำงานให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามที่อาจจะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบไปบ้างก็ต้องกราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้” ผอ.ศปก.ศบค. กล่าว

เมื่อถามว่า ปัญหาในเรื่องกระจายวัคซีนเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯ ในฐานะผอ.ศบค.จะออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของนายกฯ 

เมื่อถามย้ำว่า วันนี้ถือว่าสยบข่าวเกาเหลาระหว่างสาธารณสุข และกทม.ได้แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ยิ้มพร้อมกับว่า ก็คุยกันดี 

ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า สธ. ดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนดในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศไทยอย่างน้อย 50 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 70 ของประชาชนที่อยู่ในแผ่นดินไทย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้เสร็จภายในปี 2564 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาได้นำเข้าวัคซีนจำนวน 8.1 ล้านโดส แบ่งเป็นวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา 2.1 ล้านโดส และบริษัทซิโนแวก 6 ล้านโดส ปัจจุบันได้ฉีดสะสมแล้วทั้งหมด 6,188,124 โดส นับถึงวันที่ 13 มิถุนายน โดยจำนวนฉีดสูงสุดอยู่ที่ กทม. 1,716,394 โดส คิดเป็น 27.7 % ของวัคซีนที่มีทั้งหมดที่มีอยู่ แบ่งเป็นเข็มที่หนึ่ง 1,346,993 โดส และเข็มที่สอง 369,401 โดส ทำให้ประชากรในกรุงเทพมหานคร ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็ม 17.5% อย่างที่เราทราบโดยธรรมชาติของการผลิตวัคซีน ที่เป็นชีววัตถุ จะมีความไม่แน่นอนในการผลิตค่อนข้างสูง ไม่เหมือนกับยาที่ใช้สารเคมีตั้งต้น พวกนั้นจะสามารถควบคุมได้ดีกว่า ฉะนั้น การผลิต การตรวจสอบคุณภาพของวัคซีน จะมีมาตรฐานสากลที่เราต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะหน่วยงานที่ควบคุมคุณภาพ ที่เรียกว่า Quality Assurance ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

สำหรับการจัดสรรวัคซีน เราจะพิจารณาถึงข้อมูลวิชาการ พื้นที่ จำนวนประชากร สถานการณ์การระบาด และแบ่งเป็นสัดส่วนที่แตกต่างกันในแต่ละจังหวัดรวมถึงการคำนึงถึงนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลมากำหนด การจัดการลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมาย เราจะเน้นที่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้า ที่ต้องดูแลผู้ติดเชื้อผู้ป่วย หรือผู้ที่ต้องดำเนินการในการสอบสวนควบคุมโรค ซึ่งขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขได้รับการฉีดวัคซีนเกือบครบครบ 100% แล้วนอกจากนี้ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มตำรวจ ทหาร อสม. ที่ต้องลงไปในพื้นที่กักกันโรค ก็จะได้รับการฉีดและจัดสรรต่อไป

นพ.โอภาส กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติด้านการฉีดวัคซีน โควิด-19 ได้มีการเน้นให้ฉีดในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ซึ่งหากติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ได้รับการฉีดวัคซีนก่อน สอดคล้องกับหลักการทางวิชาการด้านการแพทย์ และสาธารณสุข โดยสธ. ได้เปิดการจองวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อม มาล่วงหน้าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทั้งนี้เนื่องจากวัคซีน โควิด-19 เป็นวัคซีนที่เรายังใช้ในภาวะฉุกเฉินอยู่ ไม่ได้เป็นวัคซีนที่มีอยู่ในท้องตลาด แล้วเราไปสั่งซื้อ ฉะนั้นการสั่งซื้อ และการจอง จะต้องมีการผลิตและสั่งจองทันที เพื่อให้วัคซีนถึงพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด ฉะนั้นบริษัทวัคซีนที่เรามีการกำหนดทำสัญญากัน ก็จะทยอยส่งเป็นงวดๆ เป็นไปตามสัญญาที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นมา ยังมีการฉีดให้กลุ่มอื่นๆ ด้วย ในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ  เช่น กลุ่มครู บุคลากรทางการศึกษา เพื่อเตรียมการเปิดเทอมสำหรับเด็กนักเรียน กลุ่มคนทำงานขนส่งสาธารณะ เป็นกลุ่มสำคัญที่จะทำให้ระบบการดำรงชีวิตของประชาชนขับเคลื่อนได้ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซด์ ต่างๆ เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังมีการฉีดให้กับเป้าหมายอื่น เช่น กลุ่มแรงงานที่เป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม ที่เราต้องฉีดวัคซีน เพื่อให้ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจต่อไปได้

โดยเดือนมิถุนายน จะมีการกระจายวัคซีน ซึ่งเราวางแผนไว้ อย่างน้อยจะต้องเป็น 2 งวด ครอบคลุมการฉีดระยะ 2 สัปดาห์ โดยงวดแรกที่เรามีการฉีดตั้งแต่วันที่ 7 - 20 มิถุนายนที่จะถึง จะมีการส่งวัคซีนไปประมาณ 3 ล้านโดส ประกอบด้วย วัคซีนซิโนแวก 1 ล้านโดส และแอสตราเซเนกา 2 ล้านโดส ได้จัดส่งไปยังกทม. แล้ว 5 แสนโดส ประกอบด้วยแอสตราเซเนกา 3.5 แสนโดส และซิโนแวก 1.5 แสนโดสนอกจากนี้ยังได้ส่งไปให้สำนักงานประกันสังคมอีก 3 แสนโดส ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะฉีดในกทม. เป็นหลัก รวมถึงกลุ่มมหาวิทยาลัย 11 แห่ง ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) อีก 1.5 แสนโดส ซึ่งจะฉีดในกทม. เป็นหลัก ส่วนกลุ่มที่ลงทะเบียนหมอพร้อมใน 76 จังหวัด จะมีการส่งวัคซีนไป 1.1 ล้านโดส จุดฉีดต่างๆ สำหรับองค์กรภาครัฐ เช่น กลุ่มขนส่งสาธารณะ กลุ่มทหาร ตำรวจ ที่ต้องดำเนินการในการกักกันผู้ป่วย ที่เกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อ และครู อีก 1 แสนโดส นอกจากนี้ยังเตรียมวัคซีนไว้สำหรับรองรับสถานการณ์การระบาด​ซึ่งมีอยู่ในหลายพื้นที่ เช่น เพชรบุรี เป็นต้น เหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราได้กระจายไปในงวดแรก ส่วนงวดที่สอง ซึ่งตามกำหนดจะต้องกระจายไปอย่างช้าที่สุด วันที่ 21 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม อีก 3.5 ล้านโดส ก็จะเป็นวัคซีนของซิโนแวค 2 ล้านโดส และแอสตราเซเนกา อีก 1.5 ล้านโดส ซึ่งทั้งหมดที่เราจะกระจาย เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในเดือนมิถุนายน จะต้องรวมได้ประมาณ คือ 6 ล้านโดส 

เมื่อถามว่า ปัจจุบันเหลือวัคซีนที่ยังไม่ฉีดในประเทศอีกจำนวนเท่าใด และจะมีเพิ่มเติมมาวันใด นพ.โอภาส กล่าวว่า ภาพรวมปัจจุบันวัคซีนได้กระจายไปตามจุดต่างๆ และจังหวัดต่างๆ ประมาณ 7 ล้านโดส เกือบ 8 ล้านโดส ซึ่งฉีดไปแล้ว 6 ล้านกว่าโดส และภายในสัปดาห์นี้ก็จะทยอยฉีด ตามเป้าหมายและวัคซีนที่เรามี ก็คาดว่าเดือนมิถุนายนนี้ เป้าหมายเราน่าจะฉีดได้ประมาณ​ 10 ล้านโดสในภาพรวมของประเทศไทย และขอย้ำว่า วัคซีนนี้ถือเป็นชีววัตถุ ไม่ใช่ว่ามีของแล้วเดินไปซื้อได้เลย พอผลิตปุ๊ปต้องส่งทันทีและฉีดทันที เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาด ยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามเป้าหมายว่า เดือนนี้จะต้องมีวัคซีนเข้ามาทั้งหมด 6 ล้านโดส โดยสัปดาห์แรกเรากระจายไปแล้ว 3 ล้านโดส อีกครั้งเดือนที่เหลือของเดือนนี้เราก็จะกระจายไปอีก อย่างน้อยอีก 3 ล้านโดส 

“เมื่อผลิตวัคซีน และตรวจสอบแล้ว เราก็จะรีบจัดส่งไปทันที ซึ่งขณะนี้มีวัคซีนหลายบริษัท หลายล้านโดส กำลังรอตรวจสอบคุณภาพ เชื่อว่าอีกไม่นาน แต่ขอไม่ระบุวัน ที่จะเข้ามาในประเทศ เพราะการตรวจสอบคุณภาพ เป็นสิ่งที่เราผ่อนปรนไม่ได้ เราจะไม่ยอมให้วัคซีนที่ไม่มีคุณภาพ นำมาฉีดให้พี่น้องประชาชนคนไทย แต่ถ้าการตรวจสอบคุณภาพไม่เสร็จ ก็อาจจะไม่ได้อย่างนั้น แต่ตามเป้าหมาย 6 ล้านโดสก็ยังเป็นไปตามเป้าหมายเหมือนเดิม” อธิบดีกรมควบคุมโรค

ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน  แถลงว่า ตั้งแต่วันที่ 7 - 14 มิ.ย. งวดแรกของวัคซีนที่เข้ามา   สธ. ได้มอบวัคซีนให้กทม. 5 แสนโดส โดยแอสตราเซเนกา จำนวน  350,000 โดส และ ซิโนแวก 150,000 โดส โดยซิโนแวก เอามาใช้สำหรับเข็มที่สองที่เราฉีดไปแล้ว 126,000 โดส อีก 240,000 โดสเอาไว้ควบคุมโรคหรือแก้สถานการณ์ฉุกเฉิน  ในส่วนแอสตราฯ ที่เราได้รับมานั้น 350,000 โดส กทม.จะแบ่งให้แจกจ่ายไป โดยผู้ลงทะเบียน แอปพลิเคชันหมอพร้อมที่ลงทะเบียน วันที่ 7- 14  มิ.ย.   ลงทะเบียนไปแล้ว 182,000 โดส  เข็มที่สองที่ฉีดไว้ก่อน 52 ,000 โดส ผู้ป่วยติดเตียง คนชรา อีก 8,000 โดส และ เหลือวัคซีนสำรองไว้นิดหน่อย และให้ไทยรวมใจ 100,000 โดส    ซึ่งทีแรกกทม.ก็คาดหวังว่าวัคซีนจะได้มาก่อนวันที่ 14 มิ.ย.  แต่อธิบดีกรมควบคุมโรค ก็บอกว่าขัดข้องทางเทคนิคจึงไม่สามารถจัดส่งได้  และ  สธ. ยังไม่ได้รับวัคซีน 

"กทม. ก็แก้ปัญหาโดยแจ้งไปที่ผู้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. เลื่อนไปก่อนว่าจะหยุดฉีด  แต่จะฉีดให้เร็วที่สุด  หลังได้รับวัคซีน เช่นรับวันไหน วันรุ่งขึ้นก็ฉีดให้เลย   และผู้ที่เสียสิทธิ์ไม่ได้ฉีดวันที่ 15 -20 มิ.ย.  สมมุติว่ากทม. ได้รับวัคซีน 20 มิ.ย.  และ วันที่ 21   มิ.ย. เรานัดฉีดได้เลย  พวกนี้จะเป็นกลุ่มแรกเป็นกลุ่มต้นๆ พวกท่านไม่ต้องกังวลว่าไปต่อท้าย ท่านจะได้รับฉีดก่อนคนอื่นๆ" พล.ต.อ.อัศวิน ระบุ

ผู้ว่าฯกทม. กล่าวต่อว่า กทม. ได้รับการอนุเคราะห์จาก สธ. เยอะ ไม่มีความขัดแย้ง   รวมทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และ นวัตกรรม  ก็มาช่วยแบ่งเบาภาระของกทม.  เพราะหากไม่ได้รับการช่วยเหลือกทม. ฉีดเดือนละ 2,050,000 โดส เป็นเรื่องยากมาก โดยเหตุผลที่ตนให้หมอพร้อมไป  182,000 โดส เพราะลงทะเบียนไปเท่านั้น    ทั้งนี้เมื่อสักครู่ได้เรียนอธิบดีกรมควบคุมโรค  ในส่วนวันที่ 15-20 มิ.ย. ที่ลงทะเบียนหมอพร้อม ที่ระบุวันเดือนปี ที่ชัดเจนเรียบร้อย มีคนลงทะเบียนหมอพร้อม  140,000 คน และ ลงทะเบียนกับไทยร่วมใจจำนวน 170,000  คน  รวมประมาณ 320 ,000  คน  และยืนยันว่ากทม. ได้รับวัคซีนเมื่อใดก็จะฉีดในวันรุ่งนี้    และขอย้ำว่า กทม. ไม่ได้เป็นมีความขัดแย้ง มีแต่ สธ. ที่คอยช่วยเหลือกทม.   

เมื่อถามว่า กรณีประชาชนกทม.ที่ถูกเลื่อนนัดฉีดวัคซีนวันที่ 15-20 มิ.ย. จะได้รับการยืนยันข้อมูลจากใครหากวัคซีนเข้ามาแล้ว พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ในส่วนที่ประชาชนกรุงเทพฯ ลงทะเบียนไว้ทั้งในแอปพลิเคชันหมอพร้อมหรือไทยร่วมใจตั้งแต่วันที่ 15-20   มิ.ย. ที่ได้รับข้อความว่าชะลอการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. เป็นต้นไปจนกว่าเราจะไดรับวัคซีน สมมุติเราได้รับวัคซีนวันที่ 19 มิ.ย. ก็จะส่งข้อความไปยังประชาชนว่าจะเดินทางมาฉีดในวันที่ 20 มิ.ย.เลยหรือไม่ หรือสะดวกเดินทางมาวันไหนสามารถเลือกวันเวลาได้โดยไม่ต้องไปต่อคิวใหม่หลังเดือนส.ค. ยืนยันว่าท่านจะเป็นคนแรกๆ ที่ได้รับการฉีด ทั้งนี้ประชาชนสามรรถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วน 1516 เกี่ยวกับเรื่องการกระจายการฉีดวัคซีนในกทม. สำหรับที่นายกฯ มีดำริให้ ศบค.กำหนดมาตรการผ่อนปรนใน 5 สถานที่นั้นได้ประชุมเรียบร้อยแล้ว และจะมีรายละเอียดของมาตรการต่างๆ ตามออกมาอีกครั้งในวันนี้  ส่วนสถานที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ สถานที่ยังคงปิดต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวปลดปลัดกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ยืนยันไม่มีการปลดปลัดกทม. เพราะท่านเป็นหญิงแกร่ง ทำงานเก่งมากทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และสนิทกับตนมาก ถามว่าไปเอาข่าวลือมาจากไหน จะไปเด้งเขาทำไม อีก 3 เดือนเขาก็เกษียณอายุราชการแล้ว และตอนนี้เขายังทำงานได้ดีมาก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"