
บล.-บลจ.ประสานเสียงมองดัชนีหุ้นไทยเดือนมิ.ย.ดิ่งแตะ 1,700 จุด เหตุปัจจัยต่างประเทศกดดันนลท.ขายทิ้ง
นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอพเพิล เวลธ์ เปิดเผยว่า ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยเดือน มิ.ย.61 มีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,700 จุด แนวต้าน 1,750-1,770 จุด เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยถูกแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศ เพราะมีปัจจัยความเสี่ยงค่าเงิน, อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ รวมถึงบริษัททำดัชนีราคาหุ้นโลก (เอ็มเอสซีไอ) ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีน ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงก่อนหน้านี้ปรับฐานลง
ทั้งนี้ ความเสี่ยงของดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะเริ่มลดลง เนื่องจากได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี 9 –10 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยจะได้รับอานิสงส์แนวโน้มเศรษฐกิจใประเทศที่คาดจะขยายตัวที่ระดับ 4.5% จากภาคส่งออก , การลงทุนภาครัฐและเอกชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ที่มีแนวโน้มเติบโตดี รวมทั้งโรดแมปการเลือกตั้งใหม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วง เม.ย. – พ.ค.62 จะช่วยหนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังกลับมาขยายตัวดี และนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้น
น.ส.ประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบดัชนี 1,700 – 1,850 จุด แม้ความชัดเจนในการเลือกตั้ง จะส่งผลต่อเนื่องมายังความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง แต่หากเฟด เริ่มส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 มีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และเงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวสูงขึ้น และกดดันต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่ ความชัดเจนในการเลือกตั้ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นทั้งภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงสภาพคล่องในประเทศที่อยู่ในระดับสูง สะท้อนจากการเติบโตของฐานเงินที่ทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า สัปดาห์นี้หุ้นไทย ตลาดยังผันผวน จากการปรับพอร์ตรับการลดคิวอี, ดอกเบี้ยสหรัฐฯปรับตัวขึ้น และการนำหุ้นของจีนเข้าคำนวณดัชนีเอ็มเอสซีไอ ทำให้ยังมีแนวโน้มที่จะมีการขายหุ้นไทยและหุ้นในตลาดเอเซีย โดยปัจจัยสำคัญที่ควรติดตาม คือสัญญาณดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมสัปดาห์หน้า และทิศทางราคาน้ำมัน อาจทำให้ดัชนีใกล้ระดับที่ 1,700-1,710 ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ โดยแนะนำการถือหุ้นที่การขยายตัวของกำไรมีไม่มาก หรือปรับพอร์ตลงทุนให้หาจังหวะซื้อหุ้นที่พื้นฐานดีหรือราคาลงมามาก
สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบและบวกตลอดทั้งวัน โดยยังไร้ปัจจัยหนุนที่ชัดเจน ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,721.29 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.09% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53,420.10 ล้านบาท แตะจุดสูงสุดที่ 1,724.71 จุด และจุดต่ำสุดที่ 1,715.82 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 100.98 ล้านบาท กองทุนซื้อสุทธิ 2,454.80 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,802.34 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 551.47 ล้านบาท
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |