MAJOR เคาะขายหุ้น SF วงเงิน 7.7 พันล้าน เซ็นทรัลได้ 'เมกา บางนา' เข้าพอร์ต


เพิ่มเพื่อน    

 

วันที่ 5 กรกฎาคม 2564 บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้ได้มีมติอนุมัติเรื่องสำคัญคือ

 

1.มีมติอนุมัติการแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ในการเข้าทำรายการโอนขายหุ้นสามัญที่บริษัทถือหุ้นอยู่ในบริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF (ธุรกิจพัฒนาและบริหารศูนย์การค้า โดยจะเน้นการพัฒนาประเภทศูนย์การค้าแบบเปิด)

 

2. มีมติอนุมัติการเข้าทำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น SF เพื่อการขายหุ้นสามัญที่บริษัทถืออยู่ใน SF จำนวน 647,158 471 หุ้น หรือคิดเป็น 30.36% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดให้กับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท ในราคาหุ้นละ 12 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 7,765,901,652 บาท ซึ่งเป็นการซื้อขายแบบ Big Lot ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ

 

โดยบริษัทจะเข้าทำรายการดังกล่าวก็ต่อเมื่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้มีมติอนุมัติการเข้าทำรายการดังกล่าว ได้รับคำยินยอมจากบุคคลหรือหน่วยงานใดๆ ให้ขายหุ้นที่ซื้อขาย (ถ้ามี) คู่สัญญาได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นและผู้ซื้อพอใจกับผลการตรวจสอบสถานะของ SF (Due Diligence) เงื่อนไขบังคับก่อนอื่นๆ ที่จะระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นได้มีการปฏิบัติเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

ทั้งนี้มีมติอนุมัติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม2564 เวลา 10.00 น. ณ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน (โรงที่ 14) ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสํามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 (Record Date)

 

โดยวันทำสัญญาซื้อขายหุ้น ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทำบันทึกข้อตกลงนี้

 

ด้าน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย ตอกย้ำความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ประกาศลงนามข้อตกลง (MOU) เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นสามัญบริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “SF” จากบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MAJOR” ในสัดส่วนร้อยละ 30.36 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด ในราคาซื้อขายหุ้นละ 12 บาท คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 7.7 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการซื้อขายและชำระเงินค่าหุ้นแก่ผู้ขายได้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2564 และเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของ SF ภายหลังจากเข้าทำธุรกรรมการซื้อหุ้นจาก MAJOR เสร็จสิ้น โดยข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยขยายพอร์ตศูนย์การค้าขนาดใหญ่ Super Regional Mall ของบริษัท เพิ่มขึ้นเป็น 2 แห่ง คือ เซ็นทรัล เวสต์เกต และเมกาบางนา และเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรระดับโลกอย่างอิเกีย พร้อมผนึกธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล เดินหน้าขยายธุรกิจ คอมมูนิตี้ มอลล์ต่างๆ และพัฒนาโครงการที่ดินบนทำเล CBD ของกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ

 

นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของเซ็นทรัลพัฒนา ในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวตรงตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยทางบริษัทมีความยินดีที่ลงนามข้อตกลงกับ MAJOR ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนามายาวนาน และเชื่อว่า เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นของเซ็นทรัลพัฒนา, SF และ MAJOR ทั้งหมด โดยเซ็นทรัลพัฒนาเล็งเห็นศักยภาพในธุรกิจของ SF ซึ่งจะช่วยขยายพอร์ตโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับ Super Regional Mall ของบริษัท เพิ่มขึ้นเป็น 2 แห่ง คือ เซ็นทรัล เวสต์เกต และเมกาบางนา ซึ่งทั้งสองแห่งถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังต่อยอดการลงทุนร่วมกับอิเกีย ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของโลก ต่อไปในอนาคตได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเติมเต็ม พอร์ต คอมมูนีตี้ มอลล์ และที่ดินรอการพัฒนา ในทำเลศักยภาพสูงทั้ง CBD ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดต่างๆ ด้วยการผนึกธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อสร้างศูนย์กลางการใช้ชีวิต (Center of Life) ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น สร้างความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีต่อไปในอนาคต”

 

“เมื่อพิจารณาโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่แข็งแกร่ง สามารถบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและอยู่ในกรอบนโยบายสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ Net D/E ที่ต่ำกว่า 1 เท่า ภายหลังจากการลงทุนครั้งนี้ได้ โดยเซ็นทรัลพัฒนายังเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ยูสต่อไป และศึกษาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ภายใต้เป้าหมายองค์กรในการ “มุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งที่ดี เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน” นายปรีชา กล่าว

 

นายวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การเข้าทำรายการดังกล่าวเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อธุรกิจของบริษัทและผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เสริมความแข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจในอนาคตเพื่อต่อยอดความเป็นผู้นำธุรกิจโรงภาพยนตร์และศูนย์รวมความบันเทิงของลูกค้าทุกคนต่อไป และเป็นความยินดีอย่างยิ่งที่ได้พันธมิตรทางธุรกิจอย่างเซ็นทรัลพัฒนา ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน SF ในครั้งนี้”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"