สิงคโปร์ปรับยุทธศาสตร์ : อยู่ร่วมกับโควิดอย่างรู้ทัน


เพิ่มเพื่อน    

         สิงคโปร์ปรับยุทธศาสตร์สู้โควิด-19 อย่างน่าสนใจ...ส่วนจะได้ผลอย่างไรยังต้องพิสูจน์

                รัฐมนตรีสามกระทรวงหลักที่เป็น “ประธานร่วม” ในคณะทำงานพิเศษสู้โควิดออกมาแจ้งกับประชาชนว่าต่อไปนี้รัฐบาลจะใช้แนวทางใหม่ในการสู้กับไวรัสตัวนี้

                นั่นคือหลักการที่ว่า "โควิดจะไม่หายไป แต่เราจะต้องใช้ชีวิตตามปกติร่วมกับมันได้"

                วิธีที่จะ “อยู่ร่วมกับโควิด” ของสิงคโปร์คือระดมฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เลิกนับเคสคนติดเชื้อประจำวันเพื่อปูทางกลับไปใช้ชีวิตปกติแบบ New Normal

                เป้าหมายสุดท้ายคือต้องทำให้ Pandemic เป็น Endemic

                นั่นแปลว่าเปลี่ยน “โรคระบาด” เป็น “โรคประจำฤดูกาล” หรือ “โรคประจำถิ่น”

                ถึงแม้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสิงคโปร์มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 62,579 ราย เสียชีวิตที่ 36 คน

                นายกฯ ลี เซียนลุง ประกาศว่า

                "เราไม่อาจขจัดไวรัสโควิดให้หมดสิ้นไป แต่สามารถบริหารจัดการกับมัน ให้เสมือนเป็นไข้หวัดธรรมดาได้"

                โดยวางแผนให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีอยู่ราว 5.7 ล้านคน ฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็มให้ได้ 2 ใน 3 ก่อนถึงวันชาติ 9 สิงหาคมนี้

                และประกาศ Roadmap ที่รัฐมนตรี 3 กระทรวงร่วมกันทำให้เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ

                สามท่านคือ คิม หย่ง รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม, ลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอ่อง อี๋ คัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

                สามรัฐมนตรีร่วมกันแถลงมาตรการชุดใหม่คือ

  • ยกเลิกล็อกดาวน์
  • ยกเลิกการติดตามผู้สัมผัสกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อ
  • ให้ประชาชนเดินทางไปที่ไหนก็ได้แบบไม่ต้องกักตัว ทำกิจกรรมรวมกลุ่มกัน
  • รัฐบาลจะหยุดนับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน

                รัฐบาลสิงคโปร์มองว่า ความพยายามในการกดตัวเลข "ผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์" เกิดขึ้นได้ยาก

                จึงควรจะหันมาใช้ยุทธศาสตร์ “การอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้”

                จึงเกิดสโลแกนใหม่ The bad news is….The good news is…

                "ข่าวร้ายคือ โควิดจะไม่หายไปไหน แต่ข่าวดีคือ เป็นไปได้ที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน เราสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ระบาดให้เป็นอะไรที่ดูคุกคามน้อยกว่า เหมือนไข้หวัด โรคมือเท้าปาก โรคอีสุกอีใส แล้วใช้ชีวิตต่อไปได้"

                แผนของรัฐบาลสิงคโปร์วางเป้าหมายไว้ 4 ข้อคือ

                1.เร่งกระจายฉีดวัคซีนให้กว้างขวางด้วยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ เน้นสร้างภูมิคุ้มกันอย่างยั่งยืน

                2.เร่งตรวจหาเชื้ออย่างกว้างขวาง ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจเชื้อได้ง่ายและหลากหลายวิธี

                ด้วยการแจกจ่ายชุดตรวจหาแอนติเจนแบบเร็ว (antigen rapid test) รวมทั้งชุดตรวจหาเชื้อด้วยตนเองที่บ้าน และกำลังจะจัดหาอุปกรณ์ใหม่ๆ มาใช้งาน เช่น ชุดตรวจหาเชื้อจากลมหายใจ (breathalyzer) ซึ่งใช้เวลาตรวจเพียง 1-2 นาที

                อีกทั้งยังมีชุดตรวจหาเชื้อในน้ำเสียจากอาคารบ้านเรือน ซึ่งสามารถระบุแหล่งคลัสเตอร์ได้

                3.ค้นหาวิธีรักษาที่ได้ผลดีกว่าเดิม แสวงหาวิธีรักษาผู้ป่วยโควิดหลายวิธี และมียาอีกหลายสูตรที่ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว ลดอาการป่วยลุกลามและเสียชีวิต

                4.อบรมให้ทุกคนมีความรับผิดชอบต่อสังคมตามวิถี New Normal ด้วยการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล และช่วยกันลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ

                นอกจากนี้ยังใช้รูปแบบการดูแลรักษาตนเองที่บ้านหากไม่มีอาการรุนแรง เช่น

                1.Home Isolation เมื่อได้รับวัคซีนแล้ว ความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิตมีน้อย เพื่อเลี่ยงปัญหาคนไข้ล้นโรงพยาบาล และให้ทุกคนได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง

                2.เมื่อประชาชนสามารถทดสอบการติดเชื้อได้ด้วยตนเองและดำเนินการกักตัวทันทีด้วยชุดเครื่องมือที่ใช้ง่ายและรู้ผลได้รวดเร็ว ทางการจึงไม่สูญเสียทรัพยากร เพราะไม่จำเป็นต้องสอบสวนโรค

                3.รัฐบาลมุ่งให้ความสำคัญกับผลการรับมือเน้นไปที่จำนวนผู้ป่วยหนักในห้อง ICU และผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องดูสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน

                4.ทำให้สามารถกลับมาจัดงานชุมนุม เช่น งานเฉลิมฉลองวันชาติ และเที่ยววันหยุดปีใหม่ได้ และดำเนินธุรกิจได้อย่างปกติภายใต้มาตรการป้องกันการติดเชื้อที่เข้มข้น

                5.ให้การไปมาหาสู่ของประชาชนกลับมาเป็นปกติ และสามารถเดินทางไปประเทศที่ควบคุมการติดเชื้อและเปลี่ยนโควิดให้เป็นโรคประจำถิ่นได้สำเร็จเช่นเดียวกัน

                โดยให้มีใบรับรองการฉีดวัคซีนของทั้งสองฝ่าย

                ผู้ที่จะเดินทางสามารถรับการตรวจหาเชื้อได้ก่อนออกเดินทาง และได้รับการยกเว้นไม่ต้องกักตัว หากผลตรวจขณะถึงปลายทางเป็นลบ

                ณ วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา สิงคโปร์แจกจ่ายวัคซีนเข็มแรกแก่ประชาชนไปแล้ว 5.37 ล้านคน ขณะที่รับครบสองเข็มแล้วประมาณ 2.09 ล้าน หรือ 36.7% ของจำนวนประชากรทั้งหมด

                สิงคโปร์ใช้วัคซีนไฟเซอร์กับ โมเดอร์นาเป็นหลัก

                ต้องคอยติดตามว่าสูตรใหม่ของสิงคโปร์ที่ค่อนข้างจะกล้าหาญและกล้าเสี่ยงจะมีผลทางปฏิบัติอย่างไร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"