
แนวทางในการฟื้นฟู เยียวยา และการแก้ปัญหาระยะยาว จะเป็นไปในทิศทางใดหลังโศกนาฏกรรม”หมิงตี้” วงเสวนา “ฟื้นฟู-เยียวยา-ป้องกัน” ที่ควรมี (ทำ) กรณีเหตุระเบิดกิ่งแก้ว จัดโดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย(วสท.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม ชวนนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญร่วมถอดบทเรียนหาทางออกให้เหตุการณ์ครั้งนี้
รศ.ดร.ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธ์ ประธานสาขาวิศวกรรมเคมีและปิโตรเคมี วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย(วสท.) กล่าวว่าข้อสันนิษฐานสาเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟม สาเหตุที่แน่นอนยังอยู่ระหว่างการค้นหา ในฐานะวิศวกรกให้ข้อสันนิษฐานใกล้ความเป็นจริงมากที่สุด สาเหตุไฟไหม้อาจจะเกิดจากเม็ดโฟม EPS เพราะความเสี่ยงต่อการระเบิดหรือเพลิงไหม้จากก๊าซเพนเทนที่ผสมอยู่ในเม็ดโฟม ซึ่งเป็นสารไวไฟสูง อีกทั้งไอระเหยของเพนเทน มีน้ำหนักมากกว่าอากาศ ไม่มีสี และสามารถติดไฟได้ เป็นไปได้ว่า เกิดการรั่วไหลของสารดังกล่าว แต่เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการรั่วไหลของสารเคมี อีกข้อสันนิษฐานมาจากของแข็งที่เป็นวัตถุดิบ อย่าง PS Resin, PS Foam, EPS Foam ที่มีคุณสมบัติเป็นสารติดไฟ เกิดไฟฟ้าสถิตย์ได้ และเป็นของเสียอันตราย ทุกชนิดมีอันตรายต่อสุขภาพ
ส่วนการระงับเหตุไฟไหม้ ดร.ปิยะบุตร อธิบายว่า เพลิงไหม้ที่มีการแปรเป็นสารไฮโดรคาร์บอน ไม่สามารถดับได้ด้วยน้ำ จึงใช้วิธีการระงับเหตุในรูปแบบต่างๆ อย่างโฟม แต่จุดเกิดเหตุขณะนั้นเครื่องมือดับเพลิงไม่มีความพร้อมเป็นอุปสรรค รวมถึงขาดความร่วมมือของโรงงาน ส่งผลให้การระงับเหตุเกิน 24 ชั่วโมง ส่วนผลกระทบจากสารเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะมาจากการหายใจหรือผ่านผิวหนังก่อให้เกิดพิษเฉียบพลัน เช่น ขาดอากาศหายใจ ระคายเคืองในบริเวณร่างกาย ดวงตา ส่งผลกระทบต่อการสร้างโลหิตและระบบประสาท ส่วนพิษเรื้อรังที่ส่งผลระยะยาว จะทำให้เกิดการผิดปกติทางพันธุกรรม ก่อมะเร็ง มีผลต่อกระดูกและระบบทางเดินหายใจ

ความเสี่ยงมลพิษกรณีกิ่งแก้ว ผศ.ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรให้รายละเอียดว่า ไฟไหม้สารอันตราย เกิดการแพร่กระจายสารพิษ การแปรสภาพ และการตกสะสมของมลพิษในอากาศ น้ำและดิน การปลดปล่อยมลพิษจากเหตุการณ์กิ่งแก้ว มีทั้งที่เกิดจากการรั่วไหลที่ยังไม่เผาไหม้ คือ สไตรีน (Styrene) เพนเทน (pentane) แต่หากเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ อาจจะทำให้มีสไตรีนรั่วไหลออกมา
“ จากงานวิจัยปี 2020 ได้จำลองการเผาไหม้สไตรีนแบบที่มีอากาศจำกัด พบว่า แม้ว่าจะมีการเผาแล้ว ก็ยังพบการรั่วไหล และมีการแปรสภาพเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ เขม่า และสารที่เกิดมากที่สุดคือ แนฟทาลีน(Naphthalene) “
ทั้งนี้ เขาระบุการเกิดผลกระทบแบบเฉียบพลัน จะมีเรื่องของกลิ่นที่เกิดขึ้น อย่าง สไตรีน จะมีกลิ่นเหมือนพลาสติก เพนเทน กลิ่นคล้ายน้ำมัน สารเหล่านี้มีความไวต่อจูมกมนุษย์ หากไม่ได้กลิ่นอาจจะเป็นไปได้ว่า ไม่ได้รับสารเคมีแบบเฉียบพลัน แต่เมื่อสารเหล่านี้ระเหยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ จะเกิดปฏิกิริยาเคมีกลายเป็นฝุ่น PM2.5 และอาจจะมีการตกผสมลงมาสู่ผิวดินได้ด้วย จากการประเมินการปลดปล่อยมลพิษและโมเมนตัมการเผาไหม้ ที่การเผาไหม้ทำให้เกิดกลุ่มก้อนอากาศสีดำซึ่งเป็นมลพิษเห็นได้ด้วยตาเปล่าลอยขึ้นสูงกว่า 300 เมตรจากจุดพื้นผิวดิน ส่งผลให้สารพิษส่วนที่มนุษย์จะได้สัมผัสมีความเบาบางลงตามด้วย

กลุ่มก้อนอากาศสีดำที่พวงพุ่งออกจากจากเหตุการณ์นี้ ผศ.ดร.ธนพล ได้ทำแบบจำลองจากสมมุติฐานการเผาไหม้ 1,600 ตันใน 22 ชั่วโมง และมีการนำไปแปรผลในแบบจำลอง AERMOD พบว่า ในสารสไตรีน คนจะสามารถได้กลิ่นในระดับ 70 ไมโครกรัม/ลบ.ม. แต่ไม่น่าได้รับพิษแบบเฉียบพลัน ส่วนการตกสะสมสู่พื้นดินและแหล่งน้ำ แม้ว่าจะมีกระจายเป็นวงกว้าง แต่ยังมีความเสี่ยงต่ำ โดยใช้มาตรฐาน US.EPA(2021) ที่ได้รับการยอมรับมาตรฐานและความปลอดภัย ส่วนสารแนฟทาลีนแม้ไม่มีความเสี่ยงแพร่กระจายถึงพื้นผิวและการตกสะสมในดิน แต่ควรจะมีการเก็บตัวอย่างเพื่อยืนยัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจมีการตกสะสมสูง และเขม่าที่มีการแพร่กระจายได้น้อยกว่าสารที่กล่าวมาข้างต้น
ผศ.ดร.ธนพล บอกว่า ในพื้นที่ซอยกิ่งแก้วมีสภาพเป็นชั้นดินเหนียวปนทราย ดังนั้น การรั่วไหลของสารสไตรีนสู่น้ำใต้ดินนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด อาจจะต้องมีการเก็บตัวอย่างมาเพื่อยืนยัน ได้ทำแบบจำลองการรั่วไหลของสารทั้งหมด 1,600 ตันใน 2 ชั่วโมง และปล่อยให้น้ำพัดพาไปอีก 30 ปี แบ่งเป็นแบบที่ธรรมชาติบำบัดและไม่มีธรรมชาติบำบัด การทำแบบจำลองจะสามารถระบุพื้นที่ในการเก็บตัวอย่างได้ เพื่อความสบายใจของชุมชนด้วย
“ หากพบสารสไตรีนตกค้างสามารถใช้ทั้งจุลชีพหรือสารเคมีในการฟื้นฟูใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ทั้งนี้ หากประชาชนที่ยังได้รับกลิ่นสารเคมีอยู่ อาจจะมาจากการปนเปื้อนในดิน และกลายเป็นไอที่ลอยขึ้นมา หรือสารเคมีที่คงค้างในพื้นที่ ต้องจัดการที่แหล่งกำเนิดให้ไวที่สุด กำหนดระยะเวลาการฟื้นฟูที่แน่นอน “ นักวิชาการ ม.นเรศวรบอก
เหตุการณ์เพลิงไหม้หมิงตี้ไม่ใช่อุบัตภัยสารเคมีครั้งแรก ในอดีตเคยเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ ปทุมธานี ชลบุรี ระยอง เชียงใหม่ ผศ. ดร.ธนพล เสนอแนวคิดการทำโมเดลแบบจำลอง SAFER SYSTEMS คือ การนำ Chemical sensors + Real time air dispersion Modeling and Source locator algorithm ซึ่งสามารถคำนวนย้อนกลับหาแหล่งกำเนิดสารรั่วไหล และตรวจวัดสารเคมีระเหยง่าย (VOC) ไซยาไนต์ แอมโมเนีย ไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือก๊าซไข่เน่า ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ สารประกอบไนโตรเจนออกไซด์ และคาร์บอนไดออกไซด์ได้แบบเรียลไทม์ เพื่อหยุดปัญหาการรั่วไหลของสารเคมีในโรงงาน จนทำให้เกิดเพลิงไหม้ และนำไปสู่ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหลายด้าน

|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |