นั่นไง! 'ไอลอว์' ดิ้นพล่านโวยรัฐกำหนดบทลงโทษคนโพสต์ข่าวปลอม ทำสังคมเข้าใจผิดหวาดกลัว


เพิ่มเพื่อน    

ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw)

12 ก.ค.64 - หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลงนามประกาศใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉบับที่ 27 โดยในส่วนข้อ 11 มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน การเสนอข่าวหรือการทำให้แพร่หลาย ซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั่วราชอาณาจักรนั้น เป็นความผิดตามมาตรา 9 (3) แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไปนั้น

ขณะที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงถึงประเด็นดังกล่าวว่า มาตรการมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารนั้น ต้องขอความร่วมมือเพราะปัจจุบันข่าวลือข่าวเท็จออกมาเป็นจำนวนมาก ในที่ประชุมศบค.มีการเน้นย้ำเรื่องนี้เพราะนอกจากการทำงานที่ต้องเดินไปข้างหน้าแล้ว การมีข่าวที่อาจเป็นเท็จทำให้ต้องพะว้าพะวังและเสียเวลาในการแก้ข่าว ทำให้การทำงานมีความล่าช้าจึงขอความร่วมมือและต้องบังคับใช้กฎหมายข้อนี้อย่างเต็มที่

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก iLaw (ไอลอว์) ซึ่งมีนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ เป็นผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) เคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวมีเนื้อหาว่า ใช้วันนี้! ข้อกำหนดใหม่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ห้ามโพสต์สร้างความหวาดกลัวแม้เป็นความจริง โทษ 2 ปี ปรับ 40,000 บาท

ข้อกำหนดนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 27 ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แก้ไขฉบับที่ 1 ในเรื่องข้อห้ามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ขยายองค์ประกอบความผิดให้กว้างออก ห้ามการโพสต์ข้อความให้ประชาชนหวาดกลัวแม้จะเป็นความจริงก็ผิด เพิ่มไปห้ามข้อความบิดเบือนที่ "กระทบความมั่นคงของรัฐ" และไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่เตือนให้แก้ไขก่อน

มีข้อสังเกตว่า การเขียนข้อห้ามในข้อกำหนดฉบับที่ 27 มีลักษณะ "สั้นลง" กว่าฉบับที่ 1 โดยมีข้อแตกต่างกันที่สำคัญ 3 ประการ ดังนี้

1) ข้อความที่ทำให้ประชาชนหวาดกลัว รวมทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง ตามข้อกำหนดฉบับที่ 1 การเผยแพร่ข้อความที่ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวจะเป็นความผิดต่อเมื่อเป็นข้อความหรือข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด 19 ที่ "ไม่เป็นความจริง" เท่านั้น แต่ตามข้อกำหนดฉบับที่ 27 เอาผิด "ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว" โดยตัดองค์ประกอบที่เคยเขียนว่า "ไม่เป็นความจริง" ออก ทำให้เห็นเจตนารมณ์ของผู้เขียนข้อกำหนดฉบับที่ 27 ว่า อาจต้องการเอาผิดกับข้อความที่ทำให้ประชาชนหวาดกลัวทั้งที่เป็นความจริงและไม่เป็นความจริง

2) เพิ่มเรื่องกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ตามข้อกำหนดฉบับที่ 1 ห้ามการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดจน "กระทบต่อการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน" ซึ่งก็เป็นข้อห้ามที่กว้างขวางมากอยู่แล้ว และใช้มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือคำอธิบายว่า มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารแบบใดที่ส่งผลเสียจนต้องขยายองค์ประกอบความผิดให้กว้างออก เพราะในข้อกำหนดฉบับที่ 27 ขยายไปห้ามการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดจน "กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ" ด้วย แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของผู้เขียนข้อกำหนดฉบับที่ 27 ที่ต้องการขยายขอบเขตของข้อห้ามออก และให้เอาผิดกับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารได้หลากหลายมากขึ้น

3) ไม่ต้องตักเตือนให้แก้ไขก่อน ตามข้อกำหนดฉบับที่ 1 หากเจ้าหน้าที่พบการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่อาจเป็นความผิด ให้เตือนให้ระงับหรือสั่งให้แก้ไขข่าวก่อนได้ โดยไม่ต้องดำเนินคดี หรือหากเป็นกรณีที่มีผลกระทบรุนแรงจึงให้ดำเนินคดี ทั้งตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ข้อกำหนดฉบับที่ 27 ตัดเนื้อหาส่วนที่ให้เจ้าหน้าที่เตือนออก แม้ว่าข้อกำหนดฉบับที่ 27 จะตัดข้อความที่ให้ดำเนินคดีตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ออกด้วยแล้ว แต่การตัดสินใจดำเนินคดีตามกฎหมายใดก็เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนอยู่แล้ว หากเห็นว่าการกระทำใดเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ด้วยก็ยังสามารถดำเนินคดีได้ 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"