จดหมายจาก AstraZeneca กับยุทธศาสตร์ต่อรองของไทย


เพิ่มเพื่อน    

อ่าน “จดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนพี่น้องชาวไทย” จากคุณเจมส์ ทีก ประธาน AstraZeneca  (Thailand) ที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าเขากำลังต้องการจะให้คนไทยเข้าใจว่าเขา  “พยายามอย่างสุดความสามารถ” ที่จะเร่งและส่งมอบวัคซีนให้ประเทศไทย
    จังหวะการออกจดหมายเปิดผนึกนี้มาในท่ามกลางวิกฤติของโควิด-19 ที่กำลังคุกคามทั้งไทยและหลาย ๆ ประเทศในย่านนี้
    และเป็นจังหวะหลังจากที่ทางการไทยโดยผ่านคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ได้มีมติให้ยกร่างคำสั่งตามอำนาจในพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีน ที่จะจำกัดการส่งออกวัคซีนให้เป็นไปตามสัดส่วนที่สะท้อนการตอบสนองความต้องการภายในประเทศก่อน
    จึงพอจะเข้าใจได้ว่าทาง AstraZeneca ก็ได้รับรู้ถึงความร้อนใจของรัฐบาลไทยและประชาชนคนไทยต่อการผลิตและส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ประเทศไทย
    น่าเชื่อว่าทั้งรัฐบาลไทยและ AstraZeneca คงไม่อยากจะมีข้อพิพาทถึงขั้นต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
    เพราะหากถึงจุดนั้น คงจะเพิ่มความสลับซับซ้อนต่อปัญหาหนักหน่วงที่เรากำลังเผชิญอยู่กับโควิด-19 อย่างแน่นอน
    จดหมายฉบับนี้ไม่ได้พูดถึงข่าวคราวเรื่องนี้ แต่คำชี้แจงของคุณเจมส์ ทีก ประธาน AstraZeneca  (Thailand) บอกตอนหนึ่งของจดหมายว่า
    “ผมขอยืนยันกับทุกคนว่า สิ่งที่แอสตร้าเซนเนก้าให้ความสําคัญเหนือสิ่งอื่นใดในขณะนี้ คือการเร่งผลิตและส่งมอบวัคซีนที่มีคุณภาพเพื่อปกป้องคุณและคนที่คุณรักให้ได้โดยเร็วที่สุด…”
    แต่ก็ได้อธิบายถึงปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่ในกระบวนการการผลิตเช่นกัน โดยแจ้งว่า
    “วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเป็น 'ชีววัตถุ' ที่เริ่มต้นด้วยการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่เป็นส่วนประกอบในกระบวนการผลิต จึงมีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน จํานวนเซลล์ ‘ที่สามารถนําไปใช้’ เพื่อการผลิตวัคซีนในแต่ละรอบการผลิตจึงมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตระยะแรกจากศูนย์การผลิตวัคซีนแห่งใหม่…”
    แต่ก็ยืนยันว่า “ถึงแม้จะมีข้อจํากัดมากมาย แต่เราคาดการณ์ว่าจะสามารถจัดสรรวัคซีนให้ประเทศไทยได้โดยเฉลี่ย  5-6 ล้านโดสต่อเดือน” 
    โดยยืนยันว่า แอสตร้าเซนเนก้าได้ส่งมอบวัคซีนให้กระทรวงสาธารณสุขแล้ว 9 ล้านโดส 
    และมีกําหนดส่งมอบอีก 2.3 ล้านโดสในสัปดาห์หน้า 
    รวมเป็นยอดส่งมอบ 11.3 ล้านโดส ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากแผนการจัดหาวัคซีนจํานวน  61 ล้านโดสให้แก่ประเทศไทย
    ที่เป็นประเด็นใหม่ในจดหมายนี้คือ เขาบอกว่ากำลังจะเร่งหาวัคซีนเพิ่มจากแหล่งที่ผลิตประมาณ 20 แห่งของ  AstraZeneca ในส่วนต่างๆ ของโลก
    เพื่อส่งมอบให้ไทยและประเทศในภูมิภาคนี้ที่สัญญาซื้อจากเขาด้วยการแจ้งว่า
    “ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงของไวรัสสายพันธุ์เดลตา เราพยายามอย่างสุดความสามารถและเสาะหาทุกวิถีทางที่จะเร่งการผลิตและส่งมอบวัคซีนให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรผู้ผลิตอย่างสยามไบโอไซเอนซ์ เราได้พยายามเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม และเรามั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบวัคซีนได้มากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”
    และเสริมว่า “นอกจากนี้เรายังได้พยายามจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจากศูนย์การผลิตแอสตร้าเซนเนก้าทั่วโลกกว่า 20  แห่ง เพื่อส่งมอบวัคซีนเพิ่มเติมให้ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้...”
    ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียเลยทีเดียวเพราะ
    “ทั่วโลกกำลังประสบกับภาวะขาดแคลนวัคซีนป้องกันโควิด...การขาดแคลนวัตถุดิบและส่วนประกอบที่จำเป็นในการผลิตวัคซีนส่งผลให้เราไม่สามารถคาดการณ์จำนวนการผลิตที่แน่นอนได้”
    แต่ก็ยังปลอบใจเราว่า “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถนำเข้าวัคซีนเพิ่มเติมมาให้คนไทยได้ในเดือนต่อๆ  ไป”
    อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้รองประธานใหญ่ของ  AstraZeneca นาย Sjoerd Hubben ได้ส่งจดหมายลงวันที่ 25 มิถุนายนนี้มาถึงรองนายกฯ และรัฐมนตรีสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล
    เนื้อหาเป็นการยืนยันว่าเขาสามารถจะผลิต ณ โรงงาน  Siam Bioscience ในไทยได้ประมาณเดือนละ  15-16 ล้านโดส และส่วนของไทยอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 3  ซึ่งก็จะตกประมาณ 5-6 ล้านโดส
    ส่วนอีก 2 ใน 3 นั้นเขาต้องส่งให้อีก 7 ประเทศในเอเชียอาคเนย์
    คุณอนุทินตอบกลับด้วยจดหมายลงวันที่ 30  มิถุนายนว่า ประเทศไทยขอให้เขาส่งมอบเดือนละ 10 ล้านโดส
    จดหมายจากประธาน AstraZeneca ประเทศไทยล่าสุดเหมือนจะเป็นการยืนยันจุดยืนเดิม แต่ด้วยภาษาที่มีความเห็นอกเห็นใจไทยอย่างยิ่ง
    รวมถึงจะพยายามหาวัคซีนจากแหล่งผลิตของเขาอื่น ๆ ทั่วโลกมาส่งมอบให้ไทยด้วย
    แต่ก็ยังยืนยัน “ความไม่แน่นอน” ที่มีอยู่สูงทั่วโลก
    เหมือนโยนลูกบอลกลับมาที่ฝั่งไทยอีกรอบ...ว่าจะเดินหน้าใช้อำนาจทางกฎหมายหรือจะเจรจาต่อรองหรือมีทางออกอื่นๆ อย่างไร
    นี่คือความท้าทายท่ามกลางความผันผวนไม่แน่นอนและแรงกดดันมหาศาลจากทุกๆ ด้านสำหรับรัฐบาลไทย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"