ศาลในมณฑลเหอเป่ยของจีนพิพากษาจำคุกซุน ต้าอู๋ มหาเศรษฐีนักธุรกิจภาคเกษตร เป็นเวลา 18 ปีเมื่อวันพุธ จากการไต่สวนคดีแบบลับที่จำเลยถูกตัดสินว่าก่ออาชญากรรมหลายกระทง รวมถึงก่อปัญหาและขัดขวางการบริหารของรัฐบาล

แฟ้มภาพ ซุน ต้าอู๋ ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่โรงงานของเขาในมณฑลเหอเป่ย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 (Simon Denyer /The Washington Post via Getty Images)

    รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า มหาเศรษฐีปากกล้าชาวจีนเจ้าของต้าอู๋กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสิทธิของคนรากหญ้าผู้นี้ โดนตำรวจจับกุมพร้อมกับญาติและเพื่อนร่วมธุรกิจของเขาอีก 19 คน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ภายหลังบริษัทของเขามีปัญหาขัดแย้งเรื่องที่ดินกับคู่แข่งขันที่มีรัฐเป็นเจ้าของ

    ทีมทนายความของซุนเปิดเผยว่า การไต่สวนเริ่มต้นที่ศาลประชาชนเกาเป่ยเตียนของมณฑลเหอเป่ยในภาคเหนือของจีนเมื่อวันพฤหัสบดี พวกเขากล่าวหาด้วยว่า การปกปิดการพิจารณาคดีเป็นความลับนั้นละเมิดแนวปฏิบัติทางกฎหมายและไม่ได้คุ้มครองสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลย

    ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันพุธที่ 28 กรกฎาคม ว่าซุนมีความผิดหลายกระทง รวมถึงการรวบรวมฝูงชนเพื่อโจมตีองค์การของรัฐ, ขัดขวางการบริหารงานของรัฐบาล และทะเลาะวิวาทและยั่วยุให้เกิดปัญหา นอกจากโทษจำคุก 18 ปี เขายังโดนปรับอีก 3.11 ล้านหยวน (ราว 15.72 ล้านบาท)

    ซุนสร้างอาณาจักรธุรกิจของเขาร่วมกับภรรยา โดยเริ่มต้นจากการเลี้ยงสุกรและไก่เมื่อทศวรรษ 1980 ธุรกิจของเขาเติบโตจนเป็นบริษัทเกษตรเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีน เขายังเป็นนักรณรงค์เพื่อการปฏิรูปชนบทตัวยง และเคยเปิดโปงสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดหมูแอฟริกาในมณฑลเหอเป่ยเมื่อปี 2562 โดยโพสต์ภาพซากสุกรหลายพันตัวทางออนไลน์ พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลท้องถิ่นว่าพยายามปกปิดความรุนแรงของสถานการณ์ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตอบสนองอย่างรวดเร็ว

    เขาเคยถูกตัดสินจำคุกมาแล้วก่อนหน้านี้ฐานระดมทุนอย่างผิดกฎหมายเมื่อปี 2546 แต่ศาลกลับคำตัดสินหลังจากนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาชนจำนวนมากหนุนหลังเขา วิดีโอที่ทนายของเขาเผยแพร่เมื่อวันอังคารเผยให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่วางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาด้านนอกศาล โดยมีขบวนรถของตำรวจหลายคันและตำรวจนอกเครื่องแบบ

    ต้าอู๋กรุ๊ปเคยจ้างพนักงานมากกว่า 9,000 คน ก่อนหน้าที่รัฐจะยึดทรัพย์สินของซุน หลังจากเขาโดนจับกุม และพนักงานถูกบังคับให้ต้องออกจากงาน

    นักธุรกิจรายนี้วิจารณ์นโยบายด้านชนบทของจีนมายาวนานหลายสิบปี และเรียกร้องให้เกษตรกรมีอิสรเสรีมากขึ้นในการรวมตัวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของพวกเขา เมื่อต้นทศวรรษ 2000 เขาทำเว็บไซต์ที่วิจารณ์ธนาคารหลายแห่งของรัฐว่า ละเลยการลงทุนในชนบท แต่กลับนำเงินออมของผู้คนในชนบทไปสนับสนุนโครงการในเมือง.