ไซ่ง่อน 1975 คาบูล 2021


เพิ่มเพื่อน    

สองภาพนี้เปรียบเทียบให้เห็นว่า ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยอย่างเกินความคาดหมายได้เสมอ

            ไซ่ง่อน เดือนเมษายน 1975 คือภาพเฮลิคอปเตอร์ร่อนลงบนดาดฟ้าของสถานทูตสหรัฐฯ ขณะที่ทหารเวียดนามเหนือบุกยึดกรุงไซ่ง่อนของเวียดนามใต้ หลังจากสหรัฐฯ ประกาศถอนตัวออกจากประเทศนั้น

            ผ่านมา 46 ปีคือภาพข้างล่าง เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง  เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงสถานทูตสหรัฐฯ ที่คาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน

            เพื่ออพยพคนอเมริกันที่หนีตายเพราะนักรบตอลิบันรุกคืบเข้ามายึดเมืองหลวงได้ หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศถอนตัวออกจากประเทศนั้นหลังทำสงครามมา 20 ปี

            เป็นการถอยร่นที่ฉุกละหุก ไม่มีการเตรียมแผนรองรับท่ามกลางความวุ่นวายปั่นป่วนของประชาชนประเทศนั้นๆ อย่างยิ่ง

            เป็นเพราะผู้นำสหรัฐฯ ในฐานะมหาอำนาจโลกประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอย่างชัดเจน

            ก่อนหน้านี้เพียงเดือนเดียว หลังที่เขาประกาศถอนทหารอเมริกันกลับบ้าน ประธานาธิบดีไบเดนถูกนักข่าวถามว่า รัฐบาลของประธานาธิบดี Ashraf Ghani ของอัฟกานิสถานที่สหรัฐฯ สนับสนุนจะสามารถรับมือกับตอลิบันเองได้หรือ

            ไบเดนบอกว่าแน่นอน เพราะสหรัฐฯ ได้ช่วยฝึกกองทัพของอัฟกานิสถานมาอย่างดี มีกองกำลังไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน อีกทั้งยังมีกองทัพอากาศที่แข็งแกร่งยิ่ง เพียงแต่ระดับนำของรัฐบาลจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่านั้น

            นักข่าวถามว่า เขาไม่กลัวว่าหากสหรัฐฯ ถอนตัวอย่างเร่งร้อนเช่นนี้  จะทำให้เกิดความโกลาหลหนีตายกันจ้าละหวั่นแบบเดียวกับที่ไซ่ง่อนเมื่อปี 1975 หรือ

            ไบเดนตอบว่า “ไม่เกิดแน่ เอาอัฟกานิสถานวันนี้ไปเปรียบเทียบกับไซ่ง่อนเมื่อปี 1975 ไม่ได้เป็นอันขาด”

            แต่แล้วพอเกิดเหตุจริงๆ ความละม้ายคล้ายกันก็เกิดขึ้นจริงๆ

            ผมจำภาพของทหารเวียดนามเหนือรุกเข้ากลางกรุงไซ่ง่อนเมื่อปี  1975 ได้เป็นอย่างดี

            รถถังของเวียดนามเหนือชุดหนึ่งเข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดีเวียดนามใต้ได้อย่างง่ายดาย เกือบจะไม่มีการต่อต้านจากทหารเวียดนามใต้เลย

            ที่คาบูลเมื่อวันอาทิตย์ก็เหมือนกัน ทหารตอลิบันรุกคืบเข้าเมืองหลวงอย่างไม่ต้องเผชิญกับกำลังต่อต้านของฝ่ายรัฐบาลเลย

            และแกนนำตอลิบันเข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดีโดยฉับพลัน หลังจากที่ประธานาธิบดี Ghani หนีออกนอกประเทศไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง

            สหรัฐฯ เองต้องส่งทหารไปอัฟกานิสถาน 4,000 นายเพื่อช่วยอพยพคนของตนออกจากประเทศอย่างกะทันหัน

            เป็นการถอยร่นของผู้แพ้มากกว่าการส่งมอบอำนาจต่อให้รัฐบาลที่ตนสนับสนุนอย่างเป็นระบบ

            สหรัฐฯ ประเมินสถานการณ์การสู้รบของอัฟกานิสถานผิดพลาดอย่างเกินคาด

            ก่อนหน้านี้ข่าวกรองสหรัฐฯ ประเมินว่าตอลิบันอาจสามารถยึดคาบูลได้ภายใน 30 วัน

            เอาเข้าจริงๆ นักรบตอลิบันใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์ในการยึดเมืองเอกกว่า 10 เมืองและรุกเข้าเมืองหลวงอย่างสบายๆ

            กลุ่มตอลิบันถูกขับออกจากอำนาจหลังจากสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกส่งทหารมาทำสงครามในปี 2001 หลังเหตุการณ์ 9/11 ที่สหรัฐฯ เชื่อว่าสั่งการโดยอุซามะห์ บินลาดิน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์ซึ่งฝังตัวอยู่ที่อัฟกานิสถาน

            สหรัฐฯ และพันธมิตรกำกับดูแลให้มีการเลือกตั้งที่นั่น และช่วยสร้างกองกำลังความมั่นคงของฝ่ายรัฐบาล

            แต่หน่วยรบของตอลิบันก็ไม่ลดละ ยังเกาะกลุ่มโจมตีเป้าหมายของสหรัฐฯ และรัฐบาลอัฟกานิสถานอย่างต่อเนื่องมาตลอด

            ต่อมาถึงสมัยโดนัลด์ ทรัมป์ สหรัฐฯ ทำข้อตกลงสงบศึกกับตอลิบัน โดยมีเงื่อนไขว่าตอลิบันจะไม่คบหากับกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธ

            แต่การเจรจาระหว่างรัฐบาลอัฟกานิสถานที่สหรัฐฯ สนับสนุนกับตอลิบันล้มเหลว

            มาถึงยุคของโจ ไบเดน สหรัฐฯ ก็ยังเดินหน้าถอนทหารออกตามแผนเดิม

            เป็นที่มาของการที่ตอลิบันกลับมายึดพื้นที่ในประเทศอย่างเร่งร้อนและรวดเร็ว

            สถานทูตสหรัฐฯ ที่นั่นสั่งให้เจ้าหน้าที่เผาทำลายเอกสารที่สำคัญ รวมถึงอุปกรณ์เช่นธงชาติสหรัฐฯ ที่อาจถูกใช้เป็น “เครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ”

            อังกฤษส่งทหาร 600 นายไปช่วยอพยพคนของตนจากที่นั่น และจะคงไว้เฉพาะจำนวนเจ้าหน้าที่ที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

            เยอรมนี, เดนมาร์ก และนอร์เวย์ได้สั่งปิดสถานทูตของตน

            ประเมินกันว่าตลอดเวลา 20 ปีของสงครามอัฟกานิสถานนั้น สหรัฐฯ ใช้งบประมาณไปไม่ต่ำกว่า 2.260 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

            โดยสหรัฐฯ ส่งทหารมาร่วมรบเกือบ 70,000 นาย และเสียชีวิตกว่า  2,400 นาย แต่หากรวมพลเรือน, บุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสมัครเพื่อมนุษยธรรมแล้ว จำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงกว่า 170,000 คนทีเดียว

            เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ นั้นสามารถทำสิ่งผิดพลาดเพราะประเมินสถานการณ์ทั้งระดับนโยบายและภาคพื้นดินได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"