กกร.เตรียมเจรจานายก ขอรัฐอนุญาตเอกชนนำเข้าวัคซีน


เพิ่มเพื่อน    

18 ส.ค. 2564 รายงานข่าวจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.ได้ยื่นหนังสือขอเข้าหารือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประเด็นแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไปเมื่อวันที่ 16 ส.ค. แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งเวลากลับมา  
ทั้งนี้ได้ยื่น 5 ประเด็นในการหารือ ประเด็นแรกการจัดหา และจัดสรรวัคซีน เช่น ขอให้รัฐพิจารณาอนุญาตให้เอกชน เป็นผู้ติดต่อนำเข้าวัคซีนได้ ไม่ต้องผ่านหน่วยงานรัฐ แต่ให้อยู่ในเกณฑ์การดูแลของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งมาตรฐาน และราคาที่เหมาะสม โดยให้ภาครัฐเป็นผู้ออกใบคำสั่งซื้อ และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ขณะเดียวกันให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เร่งอนุมัติวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ ไม่ต้องรอให้บริษัทวัคซีนนำเอกสารมายื่น ให้ใช้เกณฑ์ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (ดับบลิวเอชโอ)  


รวมถึงขอให้บริหารจัดการแอพพลิเคชั่น จองวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ ควรมีแอพฯเดียว และต้องไม่มีการยกเลิกหรือเลื่อนนัดหมายประชาชนอีก , ให้ปรับโครงสร้างการทำงานของศูนย์ศบค. ให้มีประสิทธิภาพ , จัดรถโมบาย ยูนิต เคลื่อนที่กระจายการฉีดวัคซีนให้รวดเร็วขึ้น  และเร่งการจัดหาวัคซีนที่ใช้สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากเริ่มมีการระบาดไปยังเด็กมากขึ้น และแผนการฉีดวัคซีนเข็ม 3 สำหรับบุคคลทั่วไปด้วย 


ประเด็นที่ 2 อนุญาตสนับสนุนให้เอกชนดำเนินการผลิต และจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ รวมทั้งอุปกรณ์ทางกาแพทย์ที่เกี่ยวข้องให้เพียงพอ เพื่อลดอาการรุนแรงและเสียชีวิต ประเด็นที่ 3 สนับสนุนค่าใช้จ่ายชุดตรวจแรพิด แอนติเจน เทสต์ ที่มีคุณภาพมาตรฐาน และมีปริมาณเพียงพอให้ประชาชนเข้าถึงได้ รวมทั้งการบริหารกำจัดขยะอันตรายให้มีประสิทธิภาพ 


ประเด็นที่ 4 การจัดการสถานที่กักตัว และคัดแยกผู้ป่วย เช่น ปรับลดเกณฑ์ฮอสพิเทล และเพิ่มโฮเทล ไอโซเลชั่น รองรับกลุ่มสีเขียว เพื่อลดการใช้เตียงในรพ.สนาม สนับสนุนเอกชนทำคอมพานี ไอโซเลชั่น หรือให้ใช้โรงแรมขนาดกลาง และเล็ก โดยให้รัฐสนับสนุนการจ่ายค่าที่พักให้ , จัดมาตรฐานและเกณฑ์ แฟคทอรี่ ไอโซเลชั่น ของแต่ละจังหวัด ขอให้เอกชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น เนื่องจากแต่ละจังหวัดมีสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน     


ขณะที่ประเด็นสุดท้าย แนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เช่น ให้กรมสรรพากร ยกเว้นภาษีเอสเอ็มอี ระยะเวลา 3 ปี , เพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันความเสียหายผ่านบรรษัทสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็น 70% ขึ้นไป จากเดิม 40% , ขยายลดภาษีที่ดเน 90% อีก 1 ปี , ลดหย่อนภาษี 2 เท่า สำหรับเอกชน ที่มีค่าใช้จ่ายซื้อชุดตรวจโควิด -19 แบบเร่งด่วน และค่าวัคซีนป้องกันโควิด , ขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมโอนอสังหาริมทรัพย์ จาก 2% เหลือ 0.01% จดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% เดิมสิ้นสุดสิ้นปี 64   


และเสนอให้เปลี่ยนการคิดค่าธรรมเนียมจากมูลค่า 3 ล้านแรก ให้ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์มูลค่ามากกว่า 3 ล้านบาท เพื่อให้เกิดแรงจูงใจกลุ่มมีกำลังซื้อ ขยายเวลาถึงสิ้นปี 65 , ขอให้ผ่อนปรนมาตรการควบคุมสถานประกอบการให้ดำเนินธุรกิจไปได้ เช่น พิจารณาเปิดบางกิจการที่พนักงานได้รับวัคซีนครบแล้ว 2 โดส  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"