ATK อาจให้ ‘ผลลบลวง’ แต่ ชาวบ้านไม่ต้องการ ‘ความหวังลวง’


เพิ่มเพื่อน    

คนในรัฐบาลเริ่มบอกเราว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่ม “นิ่ง” กำลังเข้าใกล้ระดับสูงสุด และต้นเดือนหน้าอาจจะเริ่มเป็น “ขาลง”
    ถึงขั้นที่กระทรวงสาธารณสุขบอกว่ากำลังเตรียมแผน “เปิดประเทศอย่างปลอดภัย” โดยมีมาตรการควบคุมโรคใน “แนวทางใหม่”
    ไม่ต้องสงสัยว่าคนไทยที่รอคอย “ข่าวดี” นั้นแม้จะเป็นแสงสว่างเล็กๆ ที่ปลายอุโมงค์ก็ย่อมมีความยินดีปรีดา
    เพราะข่าวร้ายถาโถมมาไม่เว้นแต่ละวัน
    ปัญหาอยู่ที่ว่า “แสง” ที่เห็นอยู่ไกลๆ นั้นเป็นแสง “หิ่งห้อย” หรือเป็น “แสงไฟ” จริงๆ
    เพราะแม้ว่าตัวเลขคนติดเชื้อในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาจะเริ่ม “นิ่ง” แต่เราก็ไม่อาจจะทราบได้ว่าจำนวนการตรวจหาเชื้อประจำวันนั้นมีเท่าไหร่ และที่ติดเชื้อนั้นคือกี่เปอร์เซ็นต์ของคนที่ได้รับการตรวจ
    อีกทั้งมาตรการที่ออกมาเพื่อให้มีการเปิดประเทศอย่างระมัดระวังนั้น ในทางปฏิบัติจะเกิดขึ้นจริงอย่างเคร่งครัดและเข้มข้นเพียงใด
    นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงหลังการประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติฯ ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของไทยในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อคงตัว 
    ท่านบอกว่าแนวโน้มอย่างนี้เป็นผลจากมาตรการต่างๆ เช่น การล็อกดาวน์ในพื้นที่สีแดงเข้ม การตรวจค้นหาเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK และนำเข้าระบบการรักษาที่บ้าน/ชุมชน การเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงให้ครอบคลุม 
    อธิบดีโอภาสบอกว่า ตั้งแต่เดือนนี้มีวัคซีนเข้ามาเพิ่มทั้งไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค ส่งไปทั่วประเทศ 
    และให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 27 ล้านโดส ผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มแล้ว 28% 
    และเพื่อจะให้สามารถเปิดประเทศได้อย่างปลอดภัย คณะกรรมการโรคติดต่อได้หารือ 4 ประเด็นสำคัญในการควบคุมโรคโควิด-19 
    1.มาตรการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ภายใต้การควบคุมโรคแนวใหม่ เตรียมรองรับระยะเปลี่ยนผ่านจากช่วงที่เป็นภาวะวิกฤติไปสู่การเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
    โดยการเปิดประเทศจะทำได้ต่อเมื่อดำเนินมาตรการครบถ้วน ได้แก่ 
    การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร 
    พัฒนาการหาจัดวัคซีนใหม่ๆ แบบครบวงจร 
    ส่งทีม CCRT เคลื่อนที่เร็วตรวจค้นหาเชิงรุกด้วยชุด ATK ในพื้นที่ระบาด 
    ฉีดวัคซีนเชิงรุกให้กลุ่มเสี่ยง 
    ประชาชนต้องเคร่งครัดมาตรการป้องกันตัวแบบครอบจักรวาล ให้ตระหนักเสมอว่า ทุกคนมีโอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อ
    2.เห็นชอบหลักการมาตรการป้องกันและควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and seal) สำหรับสถานประกอบกิจการที่พบผู้ติดเชื้อเกิน 10% แยกไปรักษาที่ รพ.สนาม และเฝ้าระวังคนที่เหลือให้สามารถทำงานต่อไปได้ เมื่อครบ 28 วัน ตรวจภูมิคุ้มกัน ผลดีคือ ไม่ต้องปิดโรงงาน
    3.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง เรื่อง การแจ้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ที่พาหนะจะเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ.....และร่างกฎกระทรวง เรื่อง การยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ.....เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับพาหนะจากต่างประเทศที่จะเข้ามาประเทศไทยทั้งในด่านบก เรือ และอากาศ
    4.สนับสนุนให้มีผู้แทนของสมัชชาสุขภาพจังหวัดร่วมประชุมในคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ตามมติคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 
    เพื่อให้มีตัวแทนประชาชนในพื้นที่ร่วมรับรู้และร่วมดำเนินมาตรการควบคุมโรคภายในจังหวัดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติยังได้รับทราบมติคณะกรรมการด้านวิชาการ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่เห็นชอบให้ผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนสปุตนิก วี (Sputnik V) เข้าร่วมโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้
    หลังครบกำหนดล็อกดาวน์วันที่ 31 ส.ค.64 จะมีการพิจารณาทบทวนมาตรการ เพื่อกำหนดว่ามาตรการให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย ตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงปลายปี 2564 ต่อเนื่องไปถึงปี 2565 
    หากสามารถดำเนินการได้ตามมาตรการควบคุมโรค ที่เสนอก็จะสามารถผ่อนคลายมาตรการ และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศได้
    แต่มาตรการทั้งหลายที่ว่านี้จะเกิดผลตามเป้าหมาย หรือไม่ต้องเกาะติดแนวโน้มการตรวจค้นหา เปอร์เซ็นต์การตรวจ อัตราการตรวจ การกระจายของโรค อัตราการป่วยหนัก อัตราการเสียชีวิต และจำนวนผู้ติดเชื้อที่ระบบสาธารณสุขที่รองรับได้ในแต่ละพื้นที่ จากความร่วมมือของประชาชนและทุกภาคส่วน
    ถ้าหากเป็นจริงว่าสถานการณ์ระบาดมาถึง “จุดพีก” แล้ว กรมควบคุมโรคคาดว่าแนวโน้มการติดเชื้อจะลดลง 
    แต่ก็ยอมรับว่าช่วงนี้ยังเป็น “จุดเปราะบาง” 
    ยังต้องรอดูอีก 3-4 วัน ก่อนพิจารณาคลายมาตรการ ซึ่งจะประเมินสถานการณ์ในอีก 2-3 สัปดาห์
    การให้ “ความหวัง” ประชาชนเป็นสิ่งที่ดี
    แต่ก็ต้องระวังอย่าให้เป็นเพียงความหวัง “ที่อยากเห็น” โดยไม่สามารถบังคับใช้มาตรการที่สำคัญๆ อย่างจริงจัง
    การใช้ ATK ตรวจหาเชื้อนั้นมีความเสี่ยงที่จะเจอ “ผลบวกลวง” (false positive) และ “ผลลบลวง” (false negative)
    ระหว่างอย่าให้การออกข่าวด้านบวกอย่างนี้เป็น “ความหวังลวง” (false hope) เป็นอันขาด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"