
เดือนนี้ครบรอบ 20 ปีของเหตุการณ์สยองขวัญระดับโลกคือ 9/11 ที่ทำให้โลกเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงจนถึงทุกวันนี้
วันก่อนผมเขียนถามในเฟซบุ๊กว่า ทุกท่านยังคงจำได้ไหมว่าวันที่เกิดเหตุนั้นแต่ละท่านกำลังทำอะไรอยู่
ผมจำได้ว่ากำลังประชุมอยู่ ถูกห้องข่าวเรียกด่วนให้เข้ารายงานสดทางทีวี เพราะมีเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
แม้แต่ภาพสดๆ จาก CNN ก็ยังสร้างความสับสนว่ามันเป็นภาพจริงหรือเป็นภาพยนตร์กันแน่
พิธีกรและนักข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศทั้งหลายก็ช็อกไปตาม ๆ กัน ไม่สามารถอธิบายได้ว่าภาพที่เห็นเครื่องบินพุ่งเข้าชนตึกแฝดที่ World Trade Center กลางนิวยอร์กนั้น มันคืออะไรกันแน่
หนึ่งในคนที่เล่าประสบการณ์ของเหตุการณ์วันนั้นได้น่าสนใจคือ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่เขียนในเฟซบุ๊กของท่าน ทำให้ผมย้อนความทรงจำได้ดีทีเดียว
ท่านเขียนว่า
"9/11 ในความทรงจำ: แนวโน้มในอนาคต"
ในวันนี้เมื่อ 20 ปีก่อน ช่วงหัวค่ำผมกำลังทานข้าวหน้าโทรทัศน์อยู่ในห้องที่หอพักของมหาวิทยาลัย ก็เห็นภาพเครื่องบินพุ่งชนตึก World Trade จำได้ว่ายกหูโทรศัพท์ไปบอกผู้ช่วยวิจัยว่าให้เปิดโทรทัศน์ไว้และติดตามดูสถานการณ์ให้ใกล้ชิด
สถานการณ์ที่ว่านี้ จริงๆ แล้วมีเค้าว่าจะเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นหลายปี มีรายงานของฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ ระบุว่าจะมีการก่อการร้ายครั้งใหญ่ในอเมริกา
และมีคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้นที่กำลังจะลงจากตำแหน่ง ให้หน่วยงานความมั่นคงเฝ้าระวังสถานการณ์ให้ดี แต่เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจนได้ มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายมากมาย และเกิดสงครามต่อต้านการก่อการร้าย สงครามกลางเมือง และเหตุการณ์ต่างๆ ตามมาอีกมาก
ซึ่งก็ทำให้การเมืองและความมั่นคงของโลกเปลี่ยนไป และส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ และต่อประเทศต่างๆ รวมทั้งต่อผู้คนจำนวนมากมาจนถึงทุกวันนี้อย่างที่ทุกท่านก็ทราบดี
ผมยังจำได้ว่าหลังเกิดเหตุการณ์ 9/11 ไม่กี่วัน ได้ไปออกรายการโทรทัศน์ของคุณสุทธิชัย หยุ่น และอีกหลายรายการร่วมกับนักวิชาการคนอื่นๆ
ซึ่งผมก็ให้ความเห็นว่าอีกไม่นานสหรัฐฯ ก็จะเข้าสู่สงครามกับอัฟกานิสถาน และจะเลยไปทำสงครามกับอิรัก ซึ่งก็จะพบกับความวุ่นวายต่างๆ อีกมาก และจะกระทบกับไทยหลายประการ
รวมทั้งเราอาจจะถูกดึงเข้าไปช่วยสหรัฐฯ กับพันธมิตรของเขาที่อิรักด้วย ซึ่งก็จะมีความสูญเสียเกิดขึ้นกับทหารไทยได้
ในประเด็นหลังนี้ ผมยังจำได้ว่าได้ไปพูดเพิ่มเติมในรายการของคุณสำราญ รอดเพชร ที่สถานีโทรทัศน์ iTV กับนายทหารและคณะที่ถือกันว่าเป็นนักคิดนักวางแผนที่เก่งของกองทัพในขณะนั้น
แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับผม
รวมทั้งนายกรัฐมนตรีที่ตัดสินใจส่งทหารช่างของไทยไปช่วยซ่อมแซมบ้านเมืองในอิรัก ก็มีทีท่าไม่เห็นด้วยกับพวกเรา
นักวิชาการที่ค่อนข้างเป็นกังวลกับจุดยืนของประเทศไทยและทหารไทยในเรื่องนี้ (ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทหารไทยที่ไปปฏิบัติหน้าที่และเสียชีวิตในอิรักด้วยครับ)
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีบทเรียนต่างๆ เกิดขึ้นมากในด้านการต่างประเทศและความมั่นคง ทั้งในทางวิชาการและทางปฏิบัติ
เหตุการณ์ที่คนส่วนใหญ่ไม่คิดไม่เชื่อว่าจะเกิด ก็เกิดขึ้น
ความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องหลายประการของประเทศที่พัฒนาแล้วหรือที่ว่ากันว่าเจริญแล้ว ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็ได้เห็น
ประเทศที่อ่อนแอหรือกำลังพัฒนาที่ตกอยู่ในวังวนของความขัดแย้งและการแทรกแซงที่คิดว่าจะดีขึ้น ก็ไม่ดีขึ้น และผู้คนจำนวนมาก ก็ยังที่จะถูกผลกระทบจากสงคราม ความรุนแรงและความขัดแย้ง อย่างที่ไม่ควรจะเป็น
รวมทั้งเหตุการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ ที่สหรัฐฯ ต้องถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน และการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้หลายคนคิดว่าคงไม่มีอะไรดีขึ้นกว่า 20 ปีที่ผ่านมา และคงจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งหรือมหาสงครามในอนาคตได้ยาก และมหาสงครามของมหาอำนาจที่ว่านี้ ก็คงจะปะทุขึ้นมาในทวีปเอเชียของเรา
แต่ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมานี้ เราก็ยังได้เห็นผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ หลากหลายรุ่น และหลากหลายวัย มีความหวังร่วมกันมากขึ้น ที่จะสร้างสังคมโลกให้มีสันติสุข และได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรง ผ่านช่องทางใหม่ๆ ด้วยวิธีการหรือเครื่องมือสมัยใหม่ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ หากความร่วมมือร่วมใจเหล่านี้เป็นไปได้ด้วยดี ก็เชื่อกันว่าแนวโน้มอีก 20 ปีข้างหน้า จะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ผมก็หวังเช่นนั้น
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |