คงต้อง “วัดดวง” กันเอาเอง!!!


เพิ่มเพื่อน    

อย่างว่า...มันอาจถึงช่วงจังหวะ ช่วงเวลา ที่จะต้อง เสี่ยง ต้อง วัดดวง อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้อีกแล้วนั่นแหละทั่น!!! สำหรับการเปิดบ้าน เปิดเมือง เปิดประเทศ ภายในต้นเดือนหน้า หรือนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยจะออกหมู่ ออกจ่า หรือออกสารวัตรกันแน่ นั่นคงขึ้นอยู่กับเราๆ-ทั่นๆ ที่จะต้องระมัดระวัง ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ...
                                                                 -----------------------------------------
    คือแม้ว่าการ ป่วยตาย ในช่วงนี้...มันยังไม่ถึงกับลดความน่าเกลียด น่ากลัว มากมายซักเท่าไหร่ หรือยังคง ติดเชื้อ วันละเป็นพันๆ หมื่นๆ แต่ก็นั่นแหละ...มันยังอาจไม่น่าขนพอง สยองเกล้า เท่ากับแนวโน้มการ อดตาย ที่ชักเริ่มมาแรง แซงโค้งซะเหลือเกิน ไม่ว่าในระดับโลก หรือในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย อันเนื่องมาจากผลพวง หรือผลกระทบ จากการสู้รบ ปรบมือ กับท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 มาเป็นปีๆ มาถึง ณ ขณะนี้...มันเริ่มปรากฏเค้าลาง แห่งความน่าขนลุก ขนพอง เพิ่มขึ้นๆ ไปตามลำดับ โดยจะต้องตายโหง ตายห่ากันในตอนไหน เมื่อไหร่ ประมาณราวๆ ช่วง ไตรมาส 2 ของปีหน้านั่นแหละ ที่บรรดา กูรู-กูรู้ ท่านประมาณการเอาไว้ว่า น่าจะโช้ะเช้ะ โป๊ะเช้ะ กันในช่วงนั้น...
                                                                ------------------------------------------
    หรือแม้แต่ทุกวันนี้ก็เถอะ...ข่าวคราวประเภทน่าขนลุก ขนพอง มันน่าจะเริ่มๆ ขึ้นมามั่งแล้ว ไม่ว่าเรื่อง ราคาสินค้า ทั้งประเภทอาหารและการบริการ ที่พุ่งจู๊ด พุ่งกระฉูด ทำสถิติระดับ สูงสุดในรอบ 40 ปี เอาเลยก็ว่าได้ อันเนื่องมาจากผลผลิตที่ลดน้อย ถอยลง ระหว่างที่การแพร่ระบาดของท่านเชื้อโควิด ท่านยังไม่จางหาย เหี่ยวปลายลงไป การขาดแคลนแรงงานที่จะใช้ในการผลิต ไปจน ค่าขนส่ง อันเนื่องมาจาก ราคาน้ำมันและแก๊ส ที่ดันพุ่งพรวดๆ พราดๆ ทำสถิติเพิ่มขึ้นถึง 64 เปอร์เซ็นต์ภายในปีนี้ หรือพุ่งแตะระดับ 82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา เพราะการหาแก๊ส หาถ่านหิน มาปั่นพลังงานไฟฟ้า มันช่างหายาก หาเย็น พอๆ กับหาหนวดเต่า เขากระต่าย ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
                                                                  ----------------------------------------
    ขนาดรัฐมนตรีพลังงานของประเทศที่ได้ชื่อว่าผลิตแก๊สธรรมชาติ รายใหญ่ที่สุดในโลก อย่างประเทศกาตาร์ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย Saad al-Kaabi ยังอดไม่ได้ต้องออกมาเปล่งเสียงแหบโหยประมาณว่า หมดเรี่ยว-หมดแรง ที่จะเร่งผลิตแก๊สธรรมชาติป้อนตลาดเพื่อช่วยรักษาระดับราคาอีกต่อไปแล้ว การเปลี่ยนมาใช้น้ำมันในการผลิตไฟฟ้าให้กับบรรดาบริษัท โรงงาน ร้านค้าและครัวเรือน ฯลฯ จึงกลายเป็นตัวเพิ่มระดับราคาน้ำมันไปโดยปริยาย...
                                                                ------------------------------------------
    นั่นยังไม่รวมไปถึง...การขาดแคลน ชิ้นส่วน เพื่อเอามาประกอบเป็นสินค้าต่างๆ หรือเกิดความ ไม่สมประกอบ ของบรรดาบริษัทธุรกิจประเภท ห่วงโซ่อุปทาน ทั้งหลาย ไม่ว่าเพราะขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากถูกโละออกไปในช่วงโควิด หรือเพราะการขาดแคลนพลังงาน ระดับ ไฟฟ้าดับ นับเป็นชั่วโมงๆ เป็นวันๆ ในมณฑลต่างๆ ของประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็น โรงงานของโลก อย่างประเทศจีน ศูนย์รวมแห่งบริษัทห่วงโซ่อุปทานจำนวนไม่น้อย ด้วยเหตุนี้...ภายใต้ภาวะที่สินค้าต่างๆ ชักจะแพง...แสน...แพงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก็คงไม่น่าแปลกใจอะไรกันมากมาย ที่ ภาวะเงินเฟ้อ มันเลยอุบัติขึ้นมาในแต่ละซีกโลก ไม่ว่าอเมริกา ยุโรป ที่ถือเป็น เครื่องยนต์เศรษฐกิจ รายสำคัญๆ ทั้งสิ้น ชนิดตัวเลขเงินเฟ้อของยุโรปช่วงนี้ น่าจะพอๆ กับช่วง วิกฤตเศรษฐกิจ ปีค.ศ 2008-2009 หรือเผลอๆ...อาจยิ่งกว่าไปแล้วก็ไม่แน่!!!
                                                               -----------------------------------------------------------
    ดังนั้น...ประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่ต้อง พึ่งพาโลก แทน พึ่งพาตัวเอง มาโดยตลอด ต้องอาศัย รายได้หลัก จากการท่องเที่ยว เดินทาง ของบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย ไม่ก็จากการรับจ้างทำของ รับจ้างผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ให้กับโรงงานโลกในแต่ละส่วน แต่ละภูมิภาค...จะไปเหลืออะไร??? ไม่ว่าจะมี ทองคำสำรอง ของ หลวงตามหาบัว เก็บเอาไว้ซักกี่ก้อนต่อกี่ก้อน ไม่ว่าจะพยายามรักษาวินัยทางการเงิน การคลัง ในระดับไหนก็ตาม แนวโน้มที่บรรดาราษฎรบรรดาชาวบ้าน ชาวช่อง ทั้งหลาย กำลังใกล้ อดตาย จึงมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ เพราะอะไรที่ทำให้เคยอิ่ม เคยอุ่น เคยมีรายได้แบบเป็นกอบ เป็นกำ มันหายวับไปกับตา นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิดเป็นต้นมา...
                                                               ----------------------------------------------------------
    ด้วยเหตุนี้...แม้ว่าบรรดา ผู้ติดเชื้อ จะยังคงปาเข้าไปวันละเป็นหมื่นๆ ลดลงมา 9 พัน เดี๋ยวเดียวก็เด้งกลับไปถึงหลักหมื่นสลับไป-สลับมาในแต่ละวัน แต่ทำไงได้ล่ะทั่น!!! จะโชคดี-โชคร้าย ถูกหวย-ไม่ถูกหวย นับแต่นี้คงต้องไป วัดดวง กันเอาเอง จะเข้าผับ เข้าบาร์ เข้าภัตตาคาร ลิ้มรสสุรามัชฌิมาปฏิปทาไปเป็นระยะๆ หรือจะแก้ขบแก้เมื่อย ด้วยการกระทำ หัตถการ ตั้งแต่ช่วงต่ำกว่าเอวลงไป ฯลฯ ก็คงต้องขออนุญาตเตือนด้วยปรารถนาดีเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าคงต้องระมัดระวัง คงต้องหมั่นป้องกันตัวเองให้มากๆ เข้าไว้ เพราะโอกาสที่จะ ป่วยตาย หรือ อดตาย มันคง 50-50 ไปโดยตลอดนั่นแหละท่าน...
                                                                  ------------------------------------------------------
    สรุปเอาเป็นว่า...ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมต้องเป็นไปในแบบ ไฟต์บังคับ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือปุถุชนคนธรรมดาประเภททวยไทยทั้งหลาย การหันมาตั้งอยู่ใน ความไม่ประมาท หันมาเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ชีวิตในทุกๆ ขั้นตอน รวมทั้งหันมาสร้างความร่วมมือ-ร่วมไม้ หรือ ความสามัคคี เอาไว้เผชิญหน้ากับ อันตราย ในทุกๆ ก้าวย่าง ไม่ว่าด้วยเหตุเพราะ ป่วยตาย หรือ อดตาย ก็แล้วแต่ จึงถือเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ ทั้งในแง่ ส่วนตัว หรือ ส่วนรวม ก็ตามที...
                                                                    ----------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Robert Frost... “In three words I can sum up everything I’ve learn about life. It goes on. - ข้าพเจ้าสามารถสรุปทุกสิ่งทุกอย่างจากการเรียนรู้ชีวิต ด้วยถ้อยคำเพียง 3 คำนั่นคือ...ชีวิต-ดำเนิน-ต่อไป...”
                                                                     -----------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"