'อนุทิน' ย้ำเด็ก 12-17 ปี ทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษา มีสิทธิรับวัคซีนไฟเซอร์


เพิ่มเพื่อน    


20 ต.ค.64 -  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในเด็กนักเรียน ว่า ขณะนี้สามารถฉีดวัคซีนได้ตามที่คาดการณ์ ข้อมูลจากหมอพร้อมฉีดแล้วกว่า 2 ล้านราย พร้อมรับการเปิดภาคเรียนในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทั้งนี้ จากการฉีดที่ผ่านมายังไม่พบอาการข้างเคียงที่รุนแรงเป็นอันตราย จึงขอให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานมาฉีดวัคซีน เพราะจะทำให้เกิดความมั่นใจทั้งตัวเด็ก ครูอาจารย์ และผู้ใกล้ชิดเด็กในการเปิดเรียน รวมถึงช่วยป้องกันทั้งติดเชื้อและแพร่เชื้อ เนื่องจากหากไม่ฉีดวัคซีน เมื่อไปเรียนเด็กอาจรับเชื้อภายนอกบ้าน และนำกลับมาแพร่ให้คนในครอบครัวได้ 

"การรับวัคซีนมีประโยชน์มากกว่าไม่ได้รับวัคซีน ช่วยป้องกันตนเองให้ปลอดภัยและป้องกันผู้อื่น สังคมไทยอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ถ้าทุกคนได้ฉีดวัคซีน โอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อให้กันจะน้อยลง" นายอนุทินกล่าว

ส่วนกรณีเด็กอายุ 12-17 ปี นอกระบบการศึกษาที่พบว่าบางส่วนเข้ารับการฉีดวัคซีนไม่ได้นั้น ได้มอบหมายให้ นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อกำชับสถานพยาบาลและหน่วยบริการฉีดวัคซีน ให้ฉีดเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยไม่มีการแบ่งว่าเป็นเด็กที่อยู่ในระบบหรือนอกระบบการเรียน แต่ให้ยึดตามเกณฑ์อายุ 12-17 ปี จะมีสิทธิได้รับวัคซีนทุกคนตามความสมัครใจ ซึ่งในกลุ่มนอกระบบการศึกษาให้สถานพยาบาลเปิดรับลงทะเบียนโดยความยินยอมของผู้ปกครอง ส่วนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 ในเด็กชายอายุ 12-16 ปีที่แข็งแรง อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"