ธปท. ไม่ห่วงบาทผันผวนยันพื้นฐานเศรษฐกิจแกร่งคุมอยู่


เพิ่มเพื่อน    

ธปท. ยันไม่ห่วงบาทผันผวน การันตีเปลี่ยนแปลงสอดคล้องภูมิภาค และน้อยกว่าประเทศอื่น ชูพื้นฐานประเทศไทยเข้มแข็ง หนี้ต่างประเทศต่ำ ทุนสำรองระหว่างประเทศสูง ไม่หวั่นผลกระทบจากประเทศใหญ่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน-สงครามการค้าโลก แจง กนง. ขยับเพิ่มจีดีพีปีนี้เป็น 4.4% รับอานิสงส์ส่งออก ท่องเที่ยว บริโภค และลงทุนในประเทศส่งสัญญาณดีต่อเนื่อง

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ยอมรับว่าค่าเงินบาทในขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น ประเทศอุตสาหกรรมหลักมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายค่าเงิน รวมทั้งความกังวลสงครามการค้าระหว่างประเทศ ทำให้ค่าเงินเปลี่ยนแปลงมาก โดยเฉพาะค่าเงินหยวน ของประเทศจีน ซึ่งจีนเป็นประเทศเป้าหมายหลักในการกีดกันทางการค้า และมีการตอบโต้กัน จึงเป็นประเด็นที่จะสร้างความกังวลต่อตลาดเงินตลาดทุน ในระยะข้างหน้า ที่ยังคงมีความผันผวนสูง ซึ่งจะต้องมีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนต่อไป

อย่างไรก็ดี แม้จะมีความเสี่ยงจากความผันผวน แต่สถานการณ์ค่าเงินบาทล่าสุด ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับภูมิภาค จึงไม่น่าเป็นห่วง แม้ค่าเงินจะเปลี่ยนแปลง ก็เปลี่ยนแปลงน้อยกว่าประเทศอื่น เพราะฐานะต่างประเทศของไทยเข้มแข็ง มีกันชนพอสมควร มีหนี้ต่างประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนต่ำ ทุนสำรองระหว่างประเทศสูง ไม่อ่อนไหวต่อปัจจัยเงินไหลออกในบางช่วง โดยทุนสำรองมีสัดส่วนสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3.5 เท่า ดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้คาดว่าจะมากกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สูงต่อเนื่องจากปีก่อนที่ประมาณ 4.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

“ในระยะต่อไปจะมีความผันผวนสูง และแม้ว่าเราจะมีกันชนที่ดี แต่ก็ชะล่าใจไม่ได้ มาตรการต่าง ๆ ที่ธปท.มีก็ต้องพร้อมใช้ เช่น การลดการออกพันธบัตร ในช่วงที่ผ่านมาก็มีการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง ซึ่งคาดว่าความผันผวนนี้จะมีต่อเนื่องไปอีกระยะ จากทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และกรณีธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) หยุดซื้อพันธบัตร การกีดกันทางการค้าที่ยังไม่ยุติ รวมทั้งการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในช่วงปลายปี” นายวิรไท กล่าว

นายวิรไท กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ใหม่ จากคาดการณ์เดิมที่ 4.1% เพิ่มเป็น 4.4% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี การบริโภคและการลงทุนในประเทศเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ขยายตัว โดยเฉพาะในหมวดการลงทุนในประเทศ แม้ว่าหนี้เสียภาคการเกษตรจะยังต้องเฝ้าระวัง ซึ่งได้รับผลมาจากการยกเลิกนโยบายพยุงราคา ภัยแล้ง และราคาสินค้าตกต่ำ แต่ก็ยังไม่กระทบเศรษฐกิจภาพรวม ส่วนหนี้เสียในภาพรวมยังคงทรงตัว ที่ 2.9%


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"