ปปช.ชงเปิดทรัพย์สิน79ท็อปบูต


เพิ่มเพื่อน    

    “วิษณุ” ไม่ขัดข้องร่างกฎหมาย ป.ป.ช.เพิ่มตำแหน่ง จนท.รัฐเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน ขณะที่ป.ป.ช.จ่อชงเพิ่มฝ่ายกลาโหม-ทหารอีก 79 เก้าอี้ ตั้งแต่หัวหน้า สนง.รมต.กห.-รองปลัด-รอง ผบ.3 เหล่าทัพ ยันผอ.สถานีโทรทัศน์กองทัพบกโดนด้วย "เพื่อแม้ว" ปูด "ปรีชา" โน้มน้าว ส.ส.พท.ทหาร มีกลุ่มทุนทุ่ม 2 พันล้านให้ตั้งพรรคคู่พลังประชารัฐ "ประยุทธ์" ลงพื้นที่ระยอง บอก "สนธยา" เคลียร์ข้อข้องใจกับ "สาธิต" 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 4 กรกฎาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งบทบัญญัติในเนื้อหามาตรา 102 ได้เพิ่มให้ตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน อาทิ ข้าราชการตุลาการตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษา ข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการอัยการตำแหน่งอธิบดีอัยการขึ้นไป รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงและคู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน แต่อยู่กินฉันสามีภรรยา และกำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องเปิดเผยบัญชี จากเดิมเปิดเผยแค่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนหน้านั้นมีการกำหนดให้ปลัดกระทรวงต้องแสดงและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน และเข้าใจว่าผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด และเอกอัครราชทูต ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องเปิดเผย 
    "การจะให้ผู้ดำรงตำแหน่งใดบ้างที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินนั้น ขึ้นอยู่ที่ ป.ป.ช.กำหนด สมัยรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร มีการตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่งผมได้มีหนังสือไปถึง ป.ป.ช.ว่าให้ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ซึ่ง ป.ป.ช.ตอบกลับว่าไม่ต้องยื่น แต่ต่อมา ป.ป.ช.เห็นว่าเริ่มจะมีเรื่อง จึงประกาศให้เป็นตำแหน่งที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วย แต่ไม่ต้องเปิดเผย" นายวิษณุกล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า การกำหนดให้ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินจะทำให้มีความโปร่งใสมากขึ้นหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ถ้าจะมองที่ความโปร่งใส ก็ต้องโปร่งใส แต่หากเอาอย่างอื่นมาเปรียบเทียบ ก็อาจทำให้ไม่สะดวก แต่ถึงแม้จะไม่กำหนดให้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน ก็สามารถยื่นคำร้องถึงผู้เกี่ยวข้องหรือขอให้ศาลสั่งให้เปิดเผยได้อยู่แล้ว และในอดีตเคยมีการขอให้เปิดเผยในตำแหน่งที่ไม่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน ทั้งนี้ ถ้าเหมาทั้งหมดแล้วต้องมาเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน ก็คงมากเกินไป โดยในอดีตตำแหน่ง ส.ส.และ ส.ว.ไม่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน แต่ตอนนี้ยังต้องเปิดเผย ถือเป็นการค่อยๆ ขยับ เป็นขั้นเป็นระดับจะดีกว่า
    สำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า ตำแหน่ง จนท.รัฐจากกระทรวงกลาโหม และ จนท.ทหารที่ ป.ป.ช.จะเพิ่มเติมให้ยื่นบัญชีทรัพย์สินในกฎหมายใหม่นั้น มีทั้งสิ้น 79 ตำแหน่ง จำแนกได้ดังนี้ 1.) กระทรวงกลาโหม 14 ตำแหน่ง อาทิ หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี รองปลัดฯ หัวหน้าสำนักงานปลัดฯ ผู้บัญชาการ ผู้อำนวยการ เจ้ากรม รองเจ้ากรมฯ 2.) กองบัญชาการกองทัพไทย 14 ตำแหน่ง อาทิ รอง ผบ.ทสส., เสนาธิการทหาร รองผู้อำนวยการ รองปลัดบัญชีทหารฯ 3.) กองทัพบก 19 ตำแหน่ง อาทิ รอง ผบ.ทบ., แม่ทัพภาคที่ 1-4 รองแม่ทัพภาคที่ 1-4 8.แม่ทัพน้อยที่ 1-4, เลขานุการกองทัพบก, รองเจ้ากรม, กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกหรือช่อง 5, รองผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก 4.) กองทัพเรือ 18 ตำแหน่ง อาทิ รอง ผบ.ทร., ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1-3, ผู้อำนวยการท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ 5.) กองทัพอากาศ 14 ตำแหน่ง อาทิ รอง ผบ.ทอ., ผู้บัญชาการ, ผู้อำนวยการ เจ้ากรม 1 ปลัดบัญชีทหาร รองปลัดบัญชีทหาร 
     สำหรับร่าง พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับใหม่ ปัจจุบันผ่านความเห็นชอบจาก สนช. แล้ว อยู่ระหว่างรอมีผลบังคับใช้ เบื้องต้นมีการกำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายตำแหน่งต้องยื่นทรัพย์สินเพิ่มเติม ป.ป.ช. จะกำหนดเพิ่มเติมตำแหน่งที่จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณชนอีกครั้ง เพื่อให้มีการตรวจสอบ และจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปมาดูได้ที่สำนักงาน ป.ป.ช. เป็นเวลา 30 วัน และเปิดเผยแบบออนไลน์เป็นเวลา 180 วัน ขณะเดียวกันได้กำหนดให้ปกปิดข้อมูลรายละเอียดทรัพย์สินจำนวนมาก ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่ายากแก่การตรวจสอบเป็นอย่างยิ่ง
    นายวิษณุ เครืองาม เปิดเผยว่า การประชุม คสช. เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ไม่ได้มีการนำผลการหารือกับพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.เข้าหารือ โดยระหว่างนี้จะรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำไพรมารีโหวตจากหลายฝ่าย เพราะมีหลายฝ่ายกลับไปทำการบ้านแล้วส่งข้อมูลให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ส่วนจะมีครั้งที่ 3 หรือไม่นั้น ก็เป็นไปได้ หากสังคมเรียกร้องหรือยังไม่มีความชัดเจน 
ปูด"ปรีชา"ดูด พท.
    เมื่อถามว่า พ.ร.ป.พรรคการเมืองให้ทำทุกเขตและบทเฉพาะกาลให้ทำทุกจังหวัด แต่หากทำให้เป็นรายภาค จะขัดเจตนาของกฎหมายหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ขัดอะไร เพราะเจตนารมณ์คือให้ทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 ที่ระบุว่าการจะส่งผู้สมัคร ส.ส.ต้องรับฟังความคิดเห็น รัฐธรรมนูญไม่ได้สั่งให้ทำไพรมารีโหวต แต่ สนช.เป็นผู้เพิ่มระบบไพรมารีโหวตในกฎหมาย ดังนั้นหากจะปรับให้ทำในรายภาคก็ไม่แปลก แต่ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจว่าจะทำแบบใด แต่ยังไม่เห็นว่าทำรายภาคแล้วมันจะได้ประโยชน์อะไร เราคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งเรียบร้อย ซึ่งตรงนี้ความเห็นของ กกต.จะมีน้ำหนักมากที่สุด
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่ากลุ่มสามมิตรที่เดินสายดูดอดีต ส.ส.ให้เข้าร่วมทำงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐทุกคนมีสิทธิพูดคุยกันได้ ว่า แกนนำรัฐบาลจะท่องคาถาเดียวกันคือ ไม่รู้ ไม่เห็น ยังไม่เป็นพรรค ไม่เกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่ประชาชนก็มีสิทธิ์ตั้งคำถามว่า ถ้าแค่เรื่องดูดยังไม่พูดความจริง แล้วเรื่องอื่นประชาชนจะเชื่อมั่นได้อย่างไร รัฐธรรมนูญมาตรา 169 (4) บัญญัติห้ามมิให้คณะรัฐมนตรีใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐ เพื่อกระทำการใดอันอาจมีผลต่อการเลือกตั้ง แต่มีรัฐมนตรีใน ครม.ชุดปัจจุบัน อย่างน้อย 3 คนหรือไม่ มีการใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะข้าราชการการเมืองใช้ทรัพยากรของรัฐ หรือบุคลากรของรัฐ ในการดำเนินการเรื่องนี้ 
    "กลุ่มสามมิตรที่นำโดยนายสมคิด นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีการไปเสนอให้ผลประโยชน์กับอดีต ส.ส.ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งก็จะเข้าข่ายผิดมาตรา 30, 31 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง กกต.ในฐานะผู้กำกับดูแลการเลือกตั้งจะมีแนวดำเนินการต่อเรื่องนี้อย่างไร ประชาชนจับตาดูอยู่" นายอนุสรณ์ กล่าว
    แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า หลังจากที่มีการเปิดตัวนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ไปเข้าร่วมงานกับกลุ่มสามมิตรนั้น ช่วงที่ผ่านมานายปรีชาได้พยายามที่ติดต่อประสานงานกับอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เพื่อชักชวนให้ออกมาร่วมงานกัน โดยนายปรีชาได้โทรศัพท์ไปหาอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยในภาคอีสานหลายคน โดยพยายามพูดโน้มน้าวแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของฝ่ายทหาร มีทั้งบอกว่าหากอยู่ต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจเจอปัญหาใบเหลืองใบแดง หรือไม่มีความปลอดภัยต่างๆ และความไม่สะดวกในการทำงานการเมืองได้
    นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า มีกลุ่มทุนที่พร้อมจะจ่ายให้นายปรีชากว่า 2,000 ล้านบาท ดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อทำงานควบคู่ไปกับพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากมีการมองว่าในบ้างพื้นที่ ซึ่งกระแสไม่ชอบทหารรุนแรง อาจเกิดปัญหาในการเลือกตั้งได้ จึงอาจจะมีพรรคการเมืองอีกพรรคที่ไม่อิงภาพทหาร เป็นตัวเลือกให้ประชาชน ซึ่งนายปรีชายังบอกอีกว่า ขณะนี้มีอดีต ส.ส.ในภาคอีสานเข้ารวมงานแล้วกว่า 30 คน เช่น ในพื้นที่ชัยภูมิ ศรีสะเกษ ขอนแก่น มหาสารคาม แต่กลุ่มคนที่ถูกนายปรีชาทาบทามนั้น ทราบว่าไม่มีใครไปร่วมด้วย แต่ที่เห็นว่ามีแนวโน้มจะไป ก็มีนายสุชน ชาลีเครือ ทราบว่าได้นำรายชื่ออดีต ส.ส.ชัยภูมิที่ตนเองดูแลรวมทั้งทีม อบจ. เพื่อที่จะส่งไปให้ผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาลพิจารณา ให้เห็นว่าตัวเองมีฐาน ส.ส.อยู่
แนะ"สนธยา"เคลียร์"สาธิต"
    วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์จาก จ.ชลบุรี มายัง จ.ระยอง และเดินทางต่อโดยรถตู้โฟล์กไปยังโรงเรียนวัดเกาะ ต.หนองตะพาน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต อาหารกลางวันนักเรียน และการจัดการศึกษา เพื่อเตรียมเข้าสู่โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา โดยมีข้าราชการ 200 คนมาต้อนรับ และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ และประธานสโมสรบางกอกเอฟซี และภริยา นางทยา ทีปสุวรรณ ในฐานะภาคเอกชนที่มาสนับสนุนโครงการ ร่วมต้อนรับ
    นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า โครงการไทยนิยมที่ลงไป เป็นการให้ทุกคนคิด ไม่ใช่เอาเงินไปเล่นการเมือง แต่ก่อนมี ส.ส.ลงพื้นที่ แต่วันนี้ลงไปทุกกระทรวง ลงไปในพื้นที่บอกเขาว่าจะทำอะไรต่อไป ไม่ใช่มายื่นแต่ละพวก แต่ละกลุ่ม แต่ต้องทำด้วยกันตามแผนปฏิรูปเพื่อความยั่งยืน ถ้าทำแบบเดิมก็จะกลับไปที่เก่า
    "ผมไม่ได้ออกมาเพื่อสืบทอดอำนาจ จึงขอให้กลับไปช่วยบอกผู้ปกครองและครอบครัวด้วยว่า ในเรื่องของโครงการไทยนิยมที่รัฐบาลทำนั้น ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่ทำเพื่อให้บ้านเมืองและทุกคนเข้มแข็งไปด้วยกัน"
    ช่วงหนึ่งนายกฯ สอบถามเด็กว่าอยากเป็นอะไร ซึ่งเด็กส่วนใหญ่อยากเป็นชาวไร่ เป็นครู แต่ไม่มีใครอยากเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ถามว่า ทำไมไม่อยากเป็นนายกฯ พร้อมพูดกระเซ้าว่า “ไม่มีใครอยากเป็นนายกฯ หรือ ก็ดี ลุงจะได้ไม่ต้องมีคู่แข่ง แต่ไม่ต้องการจะแข่งกับใครอยู่แล้ว ใครอยากเป็นก็เป็น 
    หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร ต.น้ำคอก อ.เมืองฯ จ.ระยอง โดยนายกฯ ชื่นชม จ.ระยอง ที่มีการบริหารจัดการขยะที่ดี และเป็นแบบอย่างให้กับที่อื่น 
    ด้านนายปิยะ ปิตุเตชะ นายกฯ อบจ.ระยอง ขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เนื่องจากหลุมฝังกลบขยะที่ 4 ใกล้จะเต็มแต่ทาง อบจ.พยายามเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว
     ระหว่างฟังบรรยายสรุปดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า ตนเองไม่เคยเกลียดใคร เพียงขออย่ามายุ่งกับตนเองเกินไป และขอให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีอะไรขอให้คุยกัน อย่าโทษกันไปมา ขอให้นายสนธยา ในฐานะที่ปรึกษานายกฯ พูดคุยกับนายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในกรณีที่มีข้อสงสัยต่างๆ ด้วย
    ด้านนายสาธิตให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ยืนยันว่า ส.ส.ในพื้นที่ทั้ง 4 คนยังคงสังกัดพรรค ปชป. ไม่มีใครย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ เพราะหากมีการย้ายอาจทำให้สอบตกได้ 
    นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กล่าวภายหลังร่วมต้อนรับนายกฯ ว่า เป็นการมาพูดคุยเรื่องการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาระหว่างโรงเรียนวัดเกาะ (กริ่มกำพล) กับโรงเรียนนานาชาติของตน ในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา หรือ Partnership School ไม่ได้เป็นการมาหารือเรื่องการเมืองใดๆ
    เมื่อถามถึงความชัดเจนที่จะเข้าร่วมกับพรรคประชารัฐ นายณัฏฐพลกล่าวว่า ไม่ ขณะนี้ตนทำธุรกิจอยู่ ไม่ได้ลงเลือกตั้งแบบเขตแน่นอน เมื่อซักว่าแสดงว่าจะลงแบบบัญชีรายชื่อ นายณัฏฐพลตอบว่า ยังๆ ขอให้ความสนใจเรื่องธุรกิจก่อน เรื่องของการเมืองตอนนี้ยังคุกรุ่นอยู่ ยังไม่มีใครสามารถตัดสินใจอะไรได้ ส่วนกลุ่มสามมิตรที่ ตนไม่รู้จักและไม่เคยคุย ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับกลุ่มนี้ .


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"