คลังตั้งแท่นปีงบ 62 กู้เงินดันเศรษฐกิจ 4.5 แสนล.


เพิ่มเพื่อน    

คลังตั้งแท่นปีงบ 62 กู้เงินดันเศรษฐกิจอีก 4.5 แสนล้านบาท ชูสมรรถนะประเทศแกร่ง พร้อมเดินหน้าสู่งบสมดุลในอีก 11 ปี การันตีเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังแจ่ม มองภาพจีดีพีปี 2561 ไม่ผิดฝันโตตามเป้าหมาย 4.5%

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยในงานสัมมนา ทิศทางหุ้น ครึ่งปีหลัง (ฟุบหรือไปต่อ) ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาถือว่าฟื้นตัวได้ดี โดยการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาสแรกสูงถึง 4.8% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับขยายตัวของเศรษฐกิจที่ประเมินว่าจะขยายตัวเต็มศักยภาพที่ 4-5% ดังนั้นการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาสแรกจึงเป็นการขยายตัวที่ใกล้เต็มศักยภาพที่รัฐบาลคาดหวังไว้ นอกจากนี้เชื่อว่าทั้งปีเศรษฐกิจในปีนี้ จะขยายตัวได้ 4.5%

สำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 กระทรวงการคลังยังคงเน้นการดำเนินนโยบายการคลังแบบผ่อนคลาย ด้วยการจัดทำงบประมาณขาดดุลต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2562 ยังจัดทำงบประมาณขาดดุล 4.5 แสนล้านบาทอยู่ ซึ่งจะไม่กระทบต่อฐานะการเงินการคลัง เพราะหนี้สาธารณะอยู่ที่ 40.4% ของจีดีพี และจากการเร่งลงทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจจำนวนมากจะทำให้หนี้สาธารณะสูงสุดใน 4 ปีข้างหน้า ที่ระดับ 48% ต่อจีดีพีซึ่งต่ำกว่ากรอบวินัยทางการคลังที่กำหนดไว้ไม่เกิน 60% ของจีดีพี

  “กระทรวงการคลังยังรักษาวินัยการเงินการคลัง โดยประเมินว่าจะทำงบประมาณเข้าสู่สมดุลได้อีก 11 ปีข้างหน้า ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% และการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ด้วยการขยายฐานภาษีให้มากขึ้น แต่จะไม่ปรับเพิ่มอัตราภาษี” นายอภิศักดิ์ กล่าว

นายอภิศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 4% ต่อเนื่อง จะทำให้ไทยหลุดพ้นประเทศความยากจนได้ภายใน 18 ปีข้างหน้า แต่หากจีดีพีขยายตัวได้ 5% จะทำให้ไทยหลุดพ้นความยากจนได้ภายใน 10 ปี ดังนั้นรัฐบาลจึงพยายามปฏิรูปภาคการเกษตร ให้เกษตรกร 30 ล้านคน มีรายได้มากขึ้น หลุดพ้นความยากจนได้ ด้วยการพัฒนาภาคการผลิตที่ต้นทุนต่ำ และเป็นทีต้องการของตลาดในระยะยาว ทดแทนการช่วยเหลือระยะสั้น ที่ไม่ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจเหมือนที่ผ่านมา

สำหรับนโยบายการเงิน เรื่องอัตราดอกเบี้ย ในการสนับสนุนขยายตัวเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้ดูและคลังไม่สามารถไปบังคับไม่ให้ขึ้นดอกเบี้ยได้

“ใน 3 ปีที่ผ่านมาการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อเพื่อดูแลเศรษฐกิจของ ธปท. ถือว่าสอบตก เพราะกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 1-4% แต่ตัวเลขจริงต่ำกว่า 1% เหมือนทำให้คนจมอยู่ใต้น้ำมา 3 ปี ตอนนี้เงินเฟ้อเกิน 1% มา 2 เดือน ก็เหมือนคนเพิ่งโผล่พ้นน้ำมา 2 เดือน หลังจากที่จมมาตั้ง 3 ปี ก็มีนักเศรษฐศาสตร์บอกว่าควรเติมน้ำให้คนจมน้ำใหม่ ก็เป็นเรื่องที่ ธปท. ต้องคิดว่าปล่อยให้คนจมน้ำมานานขนานนี้ เพิ่งพ้นมาไม่กี่เดือน ควรปล่อยให้เขาได้พักให้เต็มที่และดูทิศทางเงินเฟ้อให้ชัดเจนกว่านี้ก่อนจะดีกว่าหรือไม่” นายอภิศักดิ์ กล่าว

สำหรับการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลทำให้เงินทุนไหนออกบ้าง ขณะที่ผลดีคือทำให้ค่าเงินบาทอ่อน ส่งผลดีกับเกษตรกรขายพืชผลได้เงินมากขึ้น และตอนนี้เงินทุนก็ชะลอลงจนไม่น่าเป็นห่วงแล้ว นอกจากนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีเงินทุนไหลเข้าไทยจำนวนมากทำให้ค่าเงินบาทแข็งมากเกินไป กระทบกับการส่งออกของไทย

อย่างไรก็ดี ในส่วนผลกระทบของสงครามการค้า กระทบกับเศรษฐกิจไทยน้อยมาก แม้ว่าธนาคารโลกประเมินว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัว 3.9% แต่หากมีสงครามการค้าเต็มรูปแบบจะให้เศรษฐกิจโลกลดลง 0.5% เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจภายในประเทศแข็งแรง
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"