ึ่พึงระวัง !คาดป่วยไวรัสตับอักเสบ อยู่นอกระบบการรักษา1ล้านคน อีสานมากสุด


เพิ่มเพื่อน    

 

23 ก.ค.61- ในการแถลงข่าวสัปดาห์รณรงค์ตับอักเสบโลก “ตรวจเร็ว รักษาได้ ห่างไกลมะเร็งตับ” โดยนพ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กล่าว ว่า โรคไวรัสตับอักเสบ เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคตับแข็งและมะเร็งตับ ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย โดยทั่วไปไวรัสตับอักเสบมี 5 ชนิด ได้แก่ ชนิด เอ บี ซี ดี และอี แต่ที่เป็นปัญหาสาธารณสุขในไทย คือ ไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งคาดว่าในไทยจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ประมาณ 2.2 - 3 ล้านราย ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังประมาณ 300,000 - 700,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินนโยบายเพื่อป้องกันควบคุมโรคไวรัสตับอักเสบมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ ลดการป่วยตาย และลดจำนวนผู้ป่วยมะเร็งตับผ่านมาตรการต่างๆ อย่างบูรณาการ ขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี ได้ฟรี ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.- 3 ส.ค. 2561 ณ โรงพยาบาลในสังกัดของสธ.ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 83 แห่ง ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422


รศ.พญ.วัฒนา สุขีไพศาลเจริญ นายกสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในประเทศไทยมีอุบัติการณ์การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีประมาณร้อยละ 5-8 และไวรัสตับอักเสบซีประมาณร้อยละ 1-2 พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)และภาคเหนือ อย่างไรก็ตาม จากการทำงานที่ผ่านมาพบว่า ประเทศไทยยังมีผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบที่อยู่นอกระบบอีกกว่า 1 ล้านคน สาเหตุเพราะกลุ่มเหล่านี้ไม่แสดงอาการ โดยการประมาณการณ์มากจากการที่ ตนได้ทำงานด้านนี้และลงพื้นที่ทางภาคอีสานมาประมาณ 10 ปีที่แล้ว และพบว่า คนอีสานเดินมา 10 คน จะพบ 1 คนมีเชื้อไวรัสตับอักเสบไม่กลุ่มซี ก็บี ซึ่งเมื่อมีการคาดการณ์กับตัวเลขของแต่ละภาค ทำให้เชื่อว่าในภาพรวมทั้งประเทศจะมีคนที่ไม่รู้ตัวเองว่าติดเชื้ออีกประมาณ 1 ล้าน โดยองค์กรอนามัยโลกได้กำหนดนโยบายให้ทุกประเทศในโลกร่วมมือกันกำจัดไวรัสให้หมดไปในปี 2573 เนื่องจากไวรัสตับอักเสบเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งตับได้ ซึ่งปัจจุบันอัตราตายสูงสุดของประเทศไทย ที่พบเป็นอันดับ 1ของเพศชาย และเป็นอันดับที่ 3 ในผู้หญิง แต่ทั้งนี้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบมะเร็งตับมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของทั้งหญิงและชาย


รศ.พญ.วัฒนา กล่าวอีกว่า โดยหลายคนไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตนเองมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ในร่างกาย จึงจำเป็นที่ต้องคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี โดยเฉพาะประชากรกลุ่มเสี่ยง เพื่อหากทราบว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง จะได้เข้าสู่ขบวนการรักษา ซึ่งรัฐบาลให้การรักษาฟรีทุกกองทุน คือ1.ญาติหรือคนในครอบครัวที่ใกล้ชิด กับผู้ติดเชื้อ 2.กลุ่มที่ได้รับเลือด จากการรับบริการก่อนปี 2535 เนื่องจากมีการจัดระบบการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสตับอักเสบตั้งแต่ปี 2535 3.กลุ่มที่มีการสัก เจาะ 4.กลุ่มผู้ที่ใช้สารเสพติด คนที่อยู่ในคุก และ 5.กลุ่มที่มีประวัติครอบครัวป่วยโรคมะเร็งตับ หรือตับอักเสบหรือมีภาวะตัวเหลือง นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่ไปตรวจสุขภาพแล้วพบตับอักเสบ ต้องรีบรักษา ส่วนคนตั้งครรภ์ก็ต้องตรวจด้วยเช่นกัน 


ด้าน ภก.คณิตศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนระบบบริการปฐมภูมิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2561 นี้ สปสช. ได้กำหนดสิทธิประโยชน์และดำเนินการจัดหายาเพิ่มเติม สำหรับให้บริการผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มขึ้นอีก 2 สูตร คือ 1.ยาเม็ดรับประทาน Sofosbuvir 400 mg เพื่อใช้ร่วมกับยาฉีด Peginterferon และยาเม็ดรับประทาน Ribavirin สำหรับการรักษาการติดเชื้อตับอักเสบซีเรื้อรังสายพันธุ์ที่ 3 และ 2.ยาเม็ดสูตรผสม Sofosbuvir 400 mg และ Ledipasvir 90 mg สำหรับการรักษาการติดเชื้อตับอักเสบซีเรื้อรังสายพันธุ์อื่นทั้งที่มีหรือไม่มีภาวะตับแข็งร่วมด้วยโดยสูตรยาที่เพิ่มมานี้ จะสามารถลดระยะเวลาในการรักษาลง จาก 24 สัปดาห์ เป็น 12 สัปดาห์ และมีประสิทธิผลการรักษาที่ดีขึ้นกว่าการใช้ยาฉีด Peginterferon และยา Ribavirin สูตรเดิมอย่างเดียว ทั้งนี้ สปสช. ได้ร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยบริการโรงพยาบาลราชวิถีและองค์การเภสัชกรรม ดำเนินการจัดหาและกระจายให้กับหน่วยบริการตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 เป็นต้นมา คิดเป็นมูลค่ายาเม็ดทั้งสิ้น 66,360,000 บาท ซึ่งเป็นการจัดหายาระดับประเทศ ทำให้มีอำนาจในการต่อรองและได้ยาในราคาที่ถูกลงกว่ากระจายให้หน่วยบริการจัดหาเอง


ผู้สื่อข่าวรายการว่า หลังจากงานแถลงข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการรักษาเอดส์ ยื่นหนังสือต่อ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เพื่อให้พิจารณาเพิ่มศักยภาพในการวินิจฉัย-ลดข้อจำกัดในการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาดีในระบบประกันสุขภาพ 


นายวัชรศักดิ์ วิจิตรจันทร์ เจ้าหน้าที่แผนและนโยบายมูลนิธิรณรงค์เพื่อการรักษาเอดส์ กล่าวว่า ปัจจุบันตัวยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีในระบบหลักประกันสุขภาพมีตัวยา โซฟอสบูเวียและเลดิพาสเวียร์ สำหรับรักษาในจัโนไทป์ที่ 1,2,4,5,6 และเพคอินเตอเฟรอน โซฟอสบูเวียร์ ไรบาไวริน สำหรับรักษาจีโนไทป์ที่ 3 แต่ทั้งหมดนี้มีเงี่อนไขและแนวทางกำกับที่ไม่เอื้อต่อการคัดกรอง โดยเฉพาะการระบุว่า รพ.ที่จะทำการวินิจฉัยโรคต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีใบรับรองหรือมีประสบการณ์ด้านทางเดินอาหารไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งในความเป็นจริง รพ. ทั่วประเทศ โดยเฉพาะ รพ.ในท้องถิ่นทีจำนวนแพทย์ดังกล่าวไม่เพียงพอ หากผู้ป่วยต้องการตรวจวินิจฉัยไวรัสตับอักเสพซีในแต่ละครั้งต้องเดินทางข้ามจังหวัดเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในระบบการรักษาเนื่องจากปัญหาค่าใช้จ่ายและการเดินทาง


“ไวรัสตับอักเสบซีเป็นระยะเวลาดำเนินโรคช้า ถือเป็นภัยคุกคามได้เป็น 10 ปี เป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คน แต่การรักษาโรคไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเรามียาที่มีประสิทธิภาพดีเสมอไป หากยังไม่เอื้อให้สามารถรับรู้ว่าตัวเองติดเชื้อ ก็ไม่สามารถทำให้จำนวนผู้ป่วยในประเทศลดลงได้ นอกจากนี้ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่า หากผู้ป่วยได้รับยืนยันว่าป่วยจริงแต่ยังไม่เข้าเกณฑ์การรักษาก็ยังไม่สามารถรับยาได้”นายวัชรศักดิ์.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"