ทิสโก้ฟันธงสงครามการค้ากระทบจีดีพี 0.3%


เพิ่มเพื่อน    

ทิสโก้ชี้สงครามการค้ากระทบจีดีพีไทย 0.3% ด้านโกลเบล็กเชื่อตลาดหุ้นไทยสดใส หลังหุ้นกลุ่มธนาคารบาดเจ็บไม่มาก จับตาปัจจัยต่างประเทศกำหนดทิศทางลงทุนโลก

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า สงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม เบื้องต้นประเมินว่ามาตรการภาษีที่สหรัฐ ปัจจุบันที่ประกาศออกมา ส่งผลจำกัดต่อเศรษฐกิจไทย กระทบต่อมูลค่าการส่งออกไทยอย่างมากที่สุดไม่เกิน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.2% ของมูลค่าการส่งออกปี 60 หากคำนวณมูลค่าเพิ่มของสินค้าส่งออกแต่ละรายการ จะกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทยไม่เกิน 0.3% โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตที่ 4.4%

ทั้งนี้ ผลกระทบทางตรงมาจากมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้ากลุ่มโซลาร์เซลล์ เครื่องซักผ้า เหล็กและอะลูมิเนียม ส่งผลต่อการส่งออกสินค้าของไทยไปยังสหรัฐ จากข้อมูลปี 60 มีการส่งออกรวมเป็นมูลค่า 885 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 0.4%  ของมูลค่าส่งออกรวมของไทย ส่วนผลกระทบทางอ้อม เกิดจากสหรัฐ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ทำให้จีนส่งออกสินค้าไปสหรัฐ ลดลง ส่งผลมายังการส่งออกสินค้าขั้นต้นและสินค้าขั้นกลางของไทยไปยังจีนลดลงตามไปด้วย

“ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ได้นำรายการสินค้าที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีระยะแรกมูลค่า 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐและระยะที่ 2 มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเมินจากมูลค่าสินค้าส่งออกของไทยไปยังจีนที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด และลดทอนด้วยสัดส่วนที่จีนจะนำไปผลิตและส่งออกต่อไปยังสหรัฐ ซึ่งจะได้มูลค่าสินค้าส่งจากไทยไปยังจีนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 0.9% ของมูลค่าส่งออกรวมของไทย ปี 60”

อย่างไรก็ตาม แม้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและจีดีพีของไทยค่อนข้างจำกัด แต่สงครามการค้ายังมีความไม่แน่นอนสูง และอาจบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกผ่านทางช่องทางอื่น ๆ เช่น ความผันผวนของราคาสินทรัพย์และอัตราแลกเปลี่ยน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน รวมถึงการตัดสินใจลงทุนขยายกิจการของภาคเอกชน ซึ่งอาจล่าช้าออกไปจากความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากการประกาศงบไตรมาส 2 ปี 61 ของหุ้นกลุ่มธนาคารใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด โดยนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรทั้งปีใหม่ หลังเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ (ไอเอฟอาร์เอส9) ออกไปอีก 1 ปีเป็นวันที่ 1 ม.ค.63 และตัวเลขส่งออกเดือน มิ.ย.ขยายตัว 8.19% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 61 ขยายตัว 10.96% สูงสุดในรอบ 7 ปี สนับหนุนการปรับเพิ่มเป้าหมายส่งออกปีนี้
ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาปัจจัยต่างประเทศวันที่ 25 ก.ค. ยุโรปและสหรัฐ มีกำหนดเจรจาการค้าที่กรุงวอชิงตัน วันที่ 26 ก.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) วันที่ 30-31 ก.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) วันที่ 31 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า จากการคาดการณ์ผลกระทบของคำสัมภาษณ์ปธน.ทรัมป์ที่ระบุว่า จีนกดค่าเงินหยวนให้อ่อนเพื่อหวังผลประโยชน์ด้านการค้าระหว่างประเทศ  ทำให้เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงทันที  แต่คาดว่ามีผลเพียงระยะสั้นเท่านั้น  และมีโอกาสที่จะกลับมาแข็งค่าอีก โดยประเมินกรอบการรีบาวด์ของราคาทองคำจะถูกจำกัดอยู่ที่แนวต้าน 1,240 ดอลลาร์ และแนะนำให้พอร์ตระยะสั้นเก็งกำไรในสินค้าทองคำ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"