SCG โกยรายได้ 1.2 แสนล้านคาดทั้งปีสดใสแตะเป้าโต 10%


เพิ่มเพื่อน    

เอสซีจีโชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีนี้ทำเงิน 1.2 แสนล้านบาท แม้กำไรลดบ้างจากบางธุรกิจและช่วงเทศกาลทำให้เศรษฐกิจซบเซา แต่รายได้ครึ่งปีแรกยังสดใสโกย 2.38 แสนล.โต 6% คาดทั้งปีทำเป้าแตะ 10% คาดการณ์ภาพรวมตลาดปูนโตต่อเนื่อง

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 120,447 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11% เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่มีปริมาณขายและราคาขายเพิ่มขึ้น แม้จะมีกำไร 12,402 ล้านบาท ลดลง 6% แต่เป็นผลจากการดำเนินงานของธุรกิจเคมิคอลส์ และรายได้เงินปันผลรับจากเงินลงทุนในธุรกิจอื่นลดลง เพราะธุรกิจได้รับผลกระทบจากช่วงฤดูฝน และเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างซบเซา

ส่วนภาพรวมธุรกิจของบริษัทครึ่งแรกของปี 2561 มีรายได้จากการขาย 238,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6% เนื่องจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่มีกำไร 24,808 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรจากการขายเงินลงทุนรวมถึงราคาวัตถุดิบปิโตรเคมีที่สูง และค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น รวมกับรายได้จากการส่งออกครึ่งปีแรกอยู่ที่ 64,993 ล้านบาท คิดเป็น 27% ของยอดขายรวม โดยไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทประเมินแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจปูนซีเมน์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ส่งผลให้ยอดขายปีนี้ทั้งปีของบริษัทยังคงคาดการณ์เติบโตได้ 10% แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงเรื่องมาตรการกีดกันการค้าระหว่างประเทศว่าจะส่งผลกระทบต่อไทยหรือไม่ พร้อมกับพยายามดูแลประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในจังหวะที่เงินบาทแข็งและอ่อนตามความเหมาะสมเพื่อป้องกันความผันผวนจากค่าเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ โดยคาดการณ์ภาพรวมตลาดปูนซีเมนต์ครึ่งหลังของปีนี้น่าจะเติบโต1-3% จากครึ่งแรกของปีโต 1% ดังนั้นปีนี้ทั้งปีคาดว่าการใช้ปูนจะเติบโตกว่า 3%”นายรุ่งโรจน์ กล่าว

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้บริษัทใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 18,000 ล้านบาท คาดทั้งปีจะใช้งบลงทุนประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท ลดลงจากครั้งก่อนประเมินไว้ที่ 50,000-60,000 ล้านบาท เนื่องจากบางโครงการไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามแผน แต่ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เอสซีจียังได้ขยายกำลังการผลิตของโครงการมาบตาพุดโอเลฟินส์ จากกำลังการผลิตปัจจุบัน 1.7 ล้านตันต่อปี เป็น 2.05 ล้านตันต่อปี ทำให้โครงการมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบและสร้างโอกาสในการใช้ก๊าซโพรเพน ซึ่งมีต้นทุนต่ำเป็นวัตถุดิบ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2561 ในอัตรา 8.50 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 10,200 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 22 ส.ค.2561


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"