ถวายพระพรชัย นายกฯนำ-ขรก.ปชช.แสดงความจงรักภักดีวันเฉลิมพระชนมพรรษา


เพิ่มเพื่อน    

  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรสำหรับฤดูฝนวัดพระแก้ว เสด็จฯ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประชาชนสวมเสื้อเหลืองรับเสด็จเปล่งเสียงทรงพระเจริญตลอดเส้นทาง ขณะที่นายกฯ นำข้าราชการทุกหมู่เหล่า ประชาชน  ร่วมถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านผู้นำศาสนาอิสลามปลื้มปีติทรงพระเมตตาพี่น้องมุสลิม   

    เมื่อเวลา 17.49 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ มายังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพื่อทรงเครื่องสำหรับฤดูฝน ณ พระอุโบสถ 
    เมื่อเสด็จฯ เข้าภายในพระอุโบสถ พระเจ้าหลานเธอ   พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ    พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงยืนหน้าพระเก้าอี้ที่ประทับ เสด็จฯ ไปด้านหลังฐานชุกชี ขึ้นเกยไปยังบุษบกที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงกราบ  ทรงถอดมงกุฎจากพระเศียรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร มอบเจ้าพนักงาน ทรงหยิบพระมหาสังข์ประจำพระองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่ตั้งอยู่ด้านข้าง 
    ทรงสรงพระสุคนธ์ที่พระอังสาซ้ายขวาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้ว ทรงวางพระมหาสังข์ไว้ที่เดิม ทรงรับพระมหาสังข์เพชรน้อยจากเจ้าพนักงาน ทรงสรงพระสุคนธ์ที่พระอังสาซ้ายขวาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้ว คืนพระมหาสังข์เพชรน้อยให้เจ้าพนักงาน ทรงรับผ้าขาวจากเจ้าพนักงานเช็ดตามองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้ว ทรงรับมงกุฎประจำฤดูฝนจากเจ้าพนักงาน ทรงสวมถวายที่พระเศียรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงกราบ เสด็จลงจากเกยไปประทับพระราชอาสน์ที่จัดไว้ข้างฐานชุกชี ทรงหยิบผ้าขาวที่ซับองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแล้วนั้น ชุบน้ำพระสุคนธ์ในโถแก้ว แล้วทรงบีบลงในโถแก้วและหม้อน้ำ เสร็จแล้ว
    จากนั้น เสด็จฯ ไปที่ฐานชุกชีประดิษฐานพระสัมพุทธพรรณี ทรงถอดยอดพระรัศมีพระสัมพุทธพรรณี มอบเจ้าพนักงาน แล้วรับยอดพระรัศมีประจำฤดูฝนจากเจ้าพนักงาน ทรงสวมถวายเปลี่ยนใหม่ ทรงพระสุหร่าย เรียบร้อยแล้ว ทรงรับกระทงดอกไม้จากเจ้าพนักงานวางบนพานหน้าฐานชุกชี ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่ง แล้วทรงจุดเทียนห่วงบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และพระสัมพุทธพรรณี ทรงคม 
    ต่อมา เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ ทรงคม เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ทรงคม เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องมนัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์ เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏเข้าถวาย ทรงรับพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ แล้วสรงที่พระเศียร เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏออก  
เปล่งเสียงทรงพระเจริญ
    เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระมหาสังข์เพชรน้อยเข้าถวายพระราชทานน้ำพระมหาสังข์เพชรน้อยแก่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระมหาสังข์เพชรน้อยออก จากนั้นเจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญสังข์นครเข้าถวาย พระราชทานน้ำสังข์นครแก่พระราชวงศ์ที่มาเฝ้าฯ เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระสังข์นครออก
         ต่อมาเสด็จฯ ไปทรงพระสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์แก่ข้าราชการที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทภายในพระอุโบสถ เสร็จแล้วประทับพระราชอาสน์ที่เดิม พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนครบ 3 รอบ และเจิมที่ฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแล้ว เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการทองใหญ่ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ เสด็จออกจากพระอุโบสถ แล้วทรงพระสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์สรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแก่ประชาชนที่มาเฝ้าฯ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยรอบพระบรมมหาราชวังในช่วงบ่าย มีประชาชนต่างสวมเสื้อสีเหลืองมารอเฝ้าฯ รับเสด็จจำนวนมาก ตั้งแต่ริมบาทวิถีถนนราชดำเนินในฝั่งศาลฎีกา ตลอดถึงหน้าศาลหลักเมือง และบริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน  ตั้งแต่ประตูมณีนพรัตน์ถึงประตูวิเศษไชยศรี พสกนิกรต่างถือพระฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 ขณะที่โดยรอบพระอุโบสถวัดพระแก้ว พสกนิกรมาเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างเนืองแน่น เปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องวัดพระแก้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล สร้างความปลื้มปีติแก่พสกนิกรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ
    ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา โดยเสด็จพระราชดำเนินเข้าพระอุโบสถ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงยืนหน้าพระเก้าอี้ที่ประทับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปทรงจุดเทียนพรรษาในตู้ ทรงถวายพุ่มเทียนบูชาพระพุทธชินสีห์ พระประธานพระอุโบสถ ทรงคม ทรงถวายพุ่มเทียนและทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ พระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระราชอุปัธยาจารย์ในรัชกาลที่ 9 ทรงคม 
    จากนั้นเสด็จฯ ขึ้นไปบนฐานชุกชี ทรงถวายพุ่มเทียน ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา 50 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงคม แล้วเสด็จฯ วางพวงมาลัยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารรัชกาลที่ 9 ทรงคม ทรงถวายพุ่มเทียนและจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงคม จากนั้นเสด็จฯ ลงจากฐานชุกชีไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการและทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 9 ทรงกราบ
ทรงพระสุหร่าย
          เสด็จฯ ไปถวายพุ่มเทียนแด่สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาส ทรงคม แล้วทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์ สมเด็จพระวันรัตถวายอดิเรก เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ เสด็จฯ ออกจากพระอุโบสถ
         จากนั้นเสด็จฯ พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ไปยังพระเจดีย์หลังพระอุโบสถ เสด็จฯ เข้าไปยังที่ประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร (ฉัตรสุม) พระบรมอัฐิรัชกาลที่ 9 ภายในคูหาพระเจดีย์ 
    ทรงพระสุหร่ายฉีด ทรงถือสายสูตรยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร (ฉัตรสุม) ขึ้นเหนือคูหาพระเจดีย์ ขณะนี้พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัยประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ จากนั้นทรงถวายพุ่มเทียน ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ทรงคม เสด็จออกจากคูหาพระเจดีย์ไปยังพระวิหารพระศรีศาสดา ทรงจุดเทียนพรรษาในตู้ ทรงถวายพุ่มเทียน แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชาพระศรีศาสดา ทรงกราบ เสด็จฯ เลยเข้าไปทางด้านหลังพระศรีศาสดา ทรงถวายพุ่มเทียน แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชาพุทธไสยา ทรงกราบ 
    เสด็จฯ ออกจากพระวิหารพระศรีศาสดาไปยังพระวิหารเก๋งด้านทิศตะวันตก ทรงถวายพุ่มเทียน แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธชินสีห์จำลอง ทรงกราบ จากนั้น เสด็จฯ ไปยังพระวิหารเก๋ง (กลาง) ทรงถวายพุ่มเทียน ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธวชิรญาณ ทรงกราบ พระพุทธปัญญาอัคคะ ทรงกราบ พระพุทธมนุษย์นาค ทรงกราบ แล้วเสด็จฯ กลับ
    ในวันเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์เสด็จไปยังพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทรงจุดเทียนพรรษาบูชาพระรัตนตรัย ถวายพุ่มเทียนบูชาพระพุทธเทวปฏิมากร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการและเครื่องราชสักการะ แล้วเสด็จไปทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูป ณ ปูชนียสถานต่างๆ ถวายพุ่มเทียนบูชาพระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ที่ตำหนัก และถวายพุ่มดอกไม้ธูปเทียนแด่พระราชาคณะเจ้าอาวาส กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์เสด็จไปยังพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ทรงจุดธูปเทียนพรรษาบูชาพระรัตนตรัย ถวายพุ่มเทียนบูชาพระพุทธชินราช แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการและเครื่องราชสักการะ และถวายพุ่มดอกไม้ธูปเทียนแด่พระราชาคณะเจ้าอาวาส แล้วเสด็จไปทรงจุดเทียนพรรษาถวายพุ่มเทียน ณ ปูชนียสถานในพระอารามนี้
    ที่ท่าวาสุกรี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ  บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.อ.เกษม อยู่สุข เป็นผู้แทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญพระราชกุศลปล่อยโค นก และปลา เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2561 
    โดยเมื่อเดินทางถึงท่าวาสุกรี ผู้แทนพระองค์ฯ  ปล่อยโค 1 คู่ ปล่อยนกเขาชวา 67 ตัว ปล่อยปลาและเต่าส่วนพระองค์ลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย ปลาดุก 67 ตัว เต่า 67 ตัว สำหรับเต่าจะเชิญไปปล่อยในที่เหมาะสมต่อไป จากนั้นผู้แทนพระองค์ฯ ตัดริบบิ้นตู้ปลา ปล่อยปลาในตู้ที่กรมประมงจัดถวายลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย ปลาตะเพียนขาว, ปลาตะเพียนทอง, ปลาแก้มช้ำ, ปลาชะโอน, ปลาสร้อยขาว, ปลาหมอไทย, ปลากราย, ปลาโพง และปลาบึก จำนวน 1 ล้านตัว แล้วเดินทางกลับ
พระดำรัสถวายพระพร
     เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2561 ความว่า
          “อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ จึงขอตั้งกัลยาณจิต ร่วมกับปวงชนชาวไทย ผู้อยู่ในพระราชสมภารบารมี สำแดงความปีติโสมนัสในศุภมงคลสมัยนี้
          สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ในอันที่จะทำนุบำรุงประเทศชาติและประชาชน ให้สมบูรณ์พูนผลด้วยความผาสุกสิริสวัสดิ์ ทรงสอดส่องสุขทุกข์ของชนในชาติ ด้วยพระราชญาณทัศน์อันเฉียบแหลม และกว้างขวาง ทรงพิทักษ์และคุ้มครองพระบวรพุทธศาสนา สมพระราชฐานะ ‘พุทธศาสนูปถัมภก’ ทรงแผ่พระบารมีมาโอบอุ้มคุ้มปกปวงประชาราษฎรผู้ทุกข์ร้อนลำเค็ญ ทรงสนับสนุนและเชิดชูผู้บำเพ็ญคุณงามความดี ให้ได้มีกำลังใจในการทำงานอย่างปิดทองหลังพระ
         พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า พระองค์นี้ หากผู้มีใจยุติธรรม ได้เข้าถึงและซาบซึ้งเข้าใจอย่างจริงแท้ ย่อมไม่มีวันจะผันแปรความจงรักภักดีไปเป็นอื่นได้เลย ย่อมเป็นบทเฉลยแห่งพระราชจริยา ซึ่งสอดคล้องต้องตรงกับธรรมภาษิตที่ว่า ‘อัชฌาสัยที่ทนไม่ได้เพราะกรุณา เป็นลักษณะของมหาบุรุษ’
          ณ อุดมสมัยคล้ายวันพระราชสมภพมาบรรจบถึง อาตมภาพจึงขออัญเชิญนิพนธคาถา แห่งสุขาภิยาจนคาถา มากล่าวอ้างเป็นสัจจวาจา ว่า มาตา ปิตา จ อตฺรชํ  นิจฺจํ รกฺขนฺติ ปุตฺตกํ เอวํ ธมฺเมน ราชาโน ปชํ รกฺขนฺตุ สพฺพทาฯ
          ความว่า ‘มารดาและบิดาย่อมถนอมบุตรน้อย อันบังเกิดในตนเป็นนิตย์ฉันใด พระราชาจงทรงรักษาประชาราษฎร์โดยชอบ ในกาลทั้งปวงฉันนั้น’
          ด้วยเดชะแห่งสัจจวาจานี้ ขอประชาราษฎร์ทั้งปวงจงสมัครสมานสามัคคี ในอันที่จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นเสมือนลูกที่ดี พร้อมเพรียงกันทำนุบำรุงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้วัฒนาสถาพร เพื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ในอันที่จะทรงรักษาประชาราษฎร์โดยชอบ ดุจดั่งบิดรมารดา จักได้ทรงปลอดโปร่งพระราชหฤทัย ทรงบริบูรณ์ด้วยพระกำลังที่จะทรงยังราชอาณาจักรไทย ให้ร่มเย็นเป็นสุขใต้ร่มพระบารมีสืบไป
          ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และพระราชกุศลธรรมจริยา จงอภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นมิ่งขวัญหลักชัยแห่งราชอาณาจักรไทย ตราบจิรัฏฐิติกาล เทอญ.”
    เมื่อเวลา 06.50 น. ที่บริเวณพิธีท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา โดยมีองคมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานศาลฎีกา ส่วนราชการในพระองค์ ประธานองค์กรอิสระ ปลัดกรุงเทพมหานคร ปลัดทุกกระทรวง รัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไป กว่า 3,500 คน เข้าร่วมในพิธี
    โดยในปะรำพิธีได้อัญเชิญพระพุทธรูป พระพุทธพระบรมมหาจักรีศรีภูมิพลมหาราช และนิมนต์พระสงฆ์ สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ หลังจากนั้นสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระสงฆ์ และสามเณรจำนวน 670 รูป จากวัดต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร รับบิณฑบาต 
    ต่อมาเวลา 07.50 น. ที่เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2561 โดยเมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว     จากนั้นในเวลา 08.00 น. นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมพิธี ร้องเพลงชาติ จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วเปิดกรวยกระทงดอกไม้เพื่อถวายราชสักการะ แล้วถวายความเคารพ ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ว่า               
     ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณา ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในนามของข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่มาร่วมชุมนุมพร้อมเพรียงกันอยู่ ณ ที่นี้ และที่ชุมนุมอยู่ในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ มีความปลาบปลื้มปีติโสมนัสเป็นล้นพ้น ที่ได้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดี พร้อมทั้งถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดี และเป็นพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2561 ในวันนี้
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
     ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ในการขจัดปัดเป่าบรรเทาความทุกข์ยาก โดยพระราชทานความช่วยเหลือราษฎรยามประสบภัยต่างๆ อีกทั้งพระราชทานโครงการจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ ตลอดจนทรงส่งเสริมการศึกษาและการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อความอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืนของอาณาประชาราษฎร์ พระมหากรุณาธิคุณของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท สถิตเสถียรอยู่ในดวงใจของปวงพสกนิกรไทยตลอดไป
     ในมหามงคลสมัยนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญชวนข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจทั้งหลาย พร้อมกันตั้งจิตอธิษฐานอัญเชิญอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจแห่งสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดดลบันดาลประทานพรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีแผ่ไพศาล ทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้าของปวงข้าพระพุทธเจ้า และพสกนิกรชาวไทย ตราบกาลนิรันดร์
     ในวาระนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชานุญาต นำบรรดาข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดี และเป็นพลังของแผ่นดิน สนองพระมหากรุณาธิคุณดังต่อไปนี้
     “ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี มีความซื่อสัตย์สุจริต จะมุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของประเทศชาติ และประชาชนสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนา ตามแนวทางที่ได้พระราชทานไว้ตลอดไป” ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม 
    จากนั้น นายกรัฐมนตรีและผู้เข้าร่วมพิธี ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
     ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นพิธี ก่อนเดินทางกลับ นายกฯ เดินพบปะกับข้าราชการ พร้อมกล่าวกับข้าราชการว่า “ถวายสัตย์ปฏิญานตนแล้วนะ ขอฝากทุกคนด้วย”
    ต่อมาเวลา 08.08 น. ที่ห้องแดง อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ในพระบรมมหาราชวัง พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมนางนราพร ภริยา และคณะรัฐมนตรี ร่วมลงนามถวายพระพร พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต ผู้นำสี่เหล่าทัพ
นายกฯ ชวนทำดี
    พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์เชิญชวนคนไทยน้อมนำแนวพระราชดำริจิตอาสา ทำความดี ด้วยหัวใจ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อให้สังคมไทยมีความสมัครสมานสามัคคี มีความสุข และประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน 
    "นายกฯ เน้นย้ำว่า จิตอาสาคือจิตแห่งการให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยความเต็มใจ พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย แรงสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์โดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ มาได้ด้วยดี และเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า"
    พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังอยากให้พี่น้องประชาชนประพฤติตนตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของจิตอาสาที่ดี 7 ประการ คือ 1.มีความซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน คำนึงถึงส่วนรวม 2.มีศีลธรรม หวังดีต่อผู้อื่น รู้จักแบ่งปัน 3.มีวินัยและความรับผิดชอบ เคารพกฎหมาย 4.มีกิริยา วาจา สุภาพเรียบร้อย 5.ไม่ดื่มสุราหรือใช้สารเสพติด 6.มีจิตใจเข้มแข็งและมีทัศนคติที่ดีในการทำงานเพื่อส่วนรวม และ 7.รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงาม ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่ 
    โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยความทุกข์สุขของราษฎร และพระองค์มีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร และพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า โดยรัฐบาลพร้อมสนองพระราชดำริทุกด้าน เพื่อให้ประชาชนเกิดความผาสุก และประเทศชาติมีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนต่อไป
    ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เปิดให้คณะผู้แทนหน่วยงานราชการและเอกชนร่วมลงนามถวายพระพร ปรากฏว่ามีคณะต่างๆ อาทิ นายเจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี นำคณะผู้บริหารบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด, นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ประธานหอการค้าไทย-จีน, สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ฯลฯ ทยอยมาลงนามอย่างต่อเนื่อง
         ส่วนบริเวณด้านข้างศาลาลูกขุน ในพระบรมมหาราชวัง สำนักพระราชวังได้จัดสถานที่ให้ประชาชนสามารถลงนามถวายพระพร ด้วยต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 27-29 ก.ค.2561 โดยในวันที่ 29 ก.ค. จะเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
ประชาชนลงนามถวายพระพร
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนเดินทางมาลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า ทุกคนพร้อมใจกันสวมเสื้อโทนสีเหลือง
    นายชญา ณัทกฤช ณ ถลาง อายุ 55 ปี เดินทางมาจากแม่สอด จ.ตาก พร้อมกับภรรยา นางบงกช ดวงทวีป ร่วมทำบุญตักบาตรที่บริเวณท้องสนามหลวงในช่วงเช้า ก่อนจะพากันเดินทางเข้ามาร่วมลงนามถวายพระพรในหลวงรัชกาลที่ 10 กล่าวว่า ตั้งใจเดินทางมาลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่พระองค์เสด็จฯ  ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวัดพระแก้ว ในวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา ได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จบริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี ชื่นชมพระบารมี  
    เขาเผยว่า สิ่งที่ประทับใจ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกครอง ห่วงใย และดูแลประชาชน ตลอดจนพระราชทานความช่วยเหลือ สร้างขวัญและกำลังใจให้ประชาชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเสมอมา ทั้งกรณีหมูป่าติดถ้ำหลวง และจ่าแซมผู้สละชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ทรงพระเมตตาอย่างมาก รวมถึงทรงห่วงใยประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุดอุทกภัยรุนแรงที่ลาว ในฐานะพสกนิกรคนหนึ่ง จะเดินตามรอยพระบาท และในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา จะขอทำความดีและปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด  
    นางบงกช ดวงทวีป ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ อายุ 51 ปี กล่าวว่า แม้ว่าตนจะทำงานในกระทรวงศึกษาธิการมานาน แต่ไม่เคยทราบมาก่อนว่าในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงดูแลด้านการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อทรงราชสมบัติ และเห็นข่าวพระราชกรณียกิจจากสื่อต่างๆ จึงได้ทราบ ทั้งการพระราชทานทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนยากจน พระราชทานอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ว่าพระองค์ท่านทรงทำงานเยอะมากๆ เหมือนกัน ไม่น้อยกว่าพระราชบิดา 
    "ตั้งใจว่าวันนี้เป็นวันมงคล จึงถือเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดสำหรับตนด้วยการร่วมทำบุญตักบาตรและลงนามถวายพระพร ต่อด้วยไหว้พระ จากนั้นจะกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนชุดเป็นจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ เพื่อมารอรับ เสด็จอีกครั้งในช่วงบ่าย จนกระทั่งอยู่ร่วมจุดเทียนถวายพระพร ซึ่งตนและสามีได้ฝึกร้องเพลงสดุดีจอมราชาเพื่อร่วมร้องในค่ำนี้ด้วย" นางบงกชกล่าว
    ด้านนายสยาม สุนทรพงค์ ชาว จ.นครสวรรค์ อายุ 49 ปี กล่าวว่า เดินทางมาลงนามถวายพระพรทุกปี ตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชบิดา จนถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 ประทับใจสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้ความสำคัญงานด้านจิตอาสา ตนก็สมัครเป็นจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ เช่นกัน ทุกคนต่างมาด้วยใจ มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมทำความดี แนวพระราชดำริของพระองค์ ทั้งด้านการศึกษา และการดำรงชีวิตที่ทรงสานต่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตนก็นำมาสั่งสอนปลูกฝังให้กับลูกสาวทั้ง 2 คนนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน 
วันเกิดในหลวง ร.10
    "รู้สึกโชคดีที่ประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ยึดเหนี่ยวจิตใจ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงพระเจริญ ทรงเป็นมิ่งขวัญของชาวไทยแท้จริง และจะอยู่จนถึงเย็นร่วมพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ" ชาวนครสวรรค์ผู้นี้กล่าว
    น.ส.มณีรัตน์ พันธ์ธนพฤกษ์ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นำลูกชาย ด.ช.พัสกร เรียนชั้น ป.2 และลูกสาว ด.ญ.กมลพร ภักดีวงษ์ เรียนชั้น อ.3 มาลงนามถวายพระพร เผยว่า เนื่องด้วยหน่วยงานต้องมาลงนามถวายพระพร จึงถือโอกาสนี้พาลูกๆ มาด้วย โดยบอกตามภาษาชาวบ้านว่า วันนี้เป็นวันเกิดในหลวง ร.10 ให้ตื่นแต่เช้า เมื่อมาถึงต้องสุภาพเรียบร้อย 
    นอกจากนี้ยังนำเรื่องจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ มาสอน และพาลูกชายไปสมัครเป็นจิตอาสาด้วย หรือหากที่ทำงานมีงานจิตอาสา ก็พาลูกมาร่วมด้วย หากใครต้องการความช่วยเหลือ เดือดร้อน ให้เข้าไปช่วยโดยไม่ลังเล ถ้าพบเจอของหล่นหาย ให้นำไปคืนคุณครู เพราะไม่ใช่ของเรา
         ส่วนนายกำจัด ก้อนไพบูลย์ อายุ 81 ปี ชาวท่าพระ กรุงเทพฯ อาชีพค้าขาย และเป็นผู้ตรวจการอาสากองลูกเสือแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นลูกเสือมากว่า 50 ปี รู้สึกภาคภูมิใจและดีใจมาก เพราะทุกปีต้องมาลงนามถวายพระพรตั้งแต่สมัยในหลวงรัชกาลที่ 9 และด้วยจิตสำนึกที่เห็นในหลวง ร.10 เสด็จฯ ตามพระราชบิดา ยังจำภาพที่ฉลองพระองค์ลูกเสือได้ ระลึกถึงท่านอยู่เสมอ แม้เคยได้เฝ้าฯ รับเสด็จหลายครั้ง 
    แต่ที่ประทับใจคือเมื่อปีที่แล้วที่พระองค์เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินที่วัดโพธิ์ ตนได้พาเด็กๆ แต่งชุดลูกเสือไปรับเสด็จ พระองค์ทรงหันมาทำวันทยหัตถ์ สร้างความปลาบปลื้มให้แก่ตนและเด็กๆ ด้วย ขณะเดียวกันได้น้อมนำคำสอนในเรื่องการเลี้ยงชีพให้มีความขยันหมั่นเพียร ทำงานสุจริต ทุกวันนี้แม้อายุเกินเลข 8 แล้ว ยังแข็งแรงไม่มีโรคภัยใดๆ พร้อมนำคำสอนเหล่านี้บอกต่อเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานด้วย
         ด้าน รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน รองประธานกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรที่ห้องแดง อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ในพระบรมมหาราชวัง กล่าวว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความเมตตาแก่พี่น้องมุสลิมทั่วประเทศ อีกทั้งเสด็จฯ แทนพระองค์ในงานเมาลิดไม่เคยขาด แสดงให้เห็นว่าพระองค์มีพระเมตตากับพสกนิกรชาวมุสลิม เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พี่น้องชาวมุสลิมแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน 
      "สิ่งที่พระองค์ทรงแนะนำมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องจิตอาสา เราจะได้เห็นภาพพี่น้องชาวมุสลิมเรื่องนี้ชัดเจนในเหตุการณ์ถ้ำหลวง ไม่ว่าเป็นนักปีนเขา นักเจาะน้ำบาดาล แม่ครัวที่มาจากแม่สาย เรื่องความเป็นจิตอาสา ล้วนมาจากแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงสนับสนุนโครงการจิตอาสา และช่วงนั้นพี่น้องมุสลิมกว่า 4,000 คน ร่วมกันละหมาดให้กับทีมหมูป่า เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นความเป็นปึกแผ่น เราไม่เคยเห็นภาพลักษณะนี้เลย ตอนนี้จิตอาสาชาวมุสลิมได้เดินทางไปช่วยเหลือชาวลาวที่ประสบภัย สิ่งหนึ่งที่พสกนิกรแสดงให้พระองค์ท่านได้เห็นคือเรื่องความรักสามัคคี เพื่อตอบแทนพระเมตตาของในหลวงรัชกาลที่ 10"  รศ.ดร.วินัย กล่าว 
กองทัพยิงสลุต
    วันเดียวกันนี้ นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา พร้อมด้วยผู้บริหารศาลยุติธรรม ร่วมทำบุญตักบาตร และกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ณ ท้องสนามหลวง จากนั้นประธานศาลฎีกาและคณะได้เดินทางไปถวายดอกไม้เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ห้องแดง ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง
    ที่กองทัพบก โดยกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (ป.1 รอ.) ได้ทำการยิงสลุตหลวง 21 นัด ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา ที่ท้องสนามหลวง
    กองทัพเรือ โดยฐานทัพเรือกรุงเทพ ได้ทำการยิงสลุตหลวง 21 นัด ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ พระราชวังเดิม กองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ 
    กองทัพอากาศ โดยกรมทหารต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ทำการยิงสลุตหลวง 21 นัด พร้อมกับกองทัพบก และกองทัพเรือ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 66  พรรษา ที่ลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช
    สำหรับหลักเกณฑ์การยิงสลุตในปัจจุบัน หากเป็นงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา งานพระราชพิธีฉัตรมงคล หรือวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมราชินีหรือสมเด็จพระยุพราช รวมถึงงานต้อนรับพระมหากษัตริย์ หรือประมุขแห่งรัฐ ยิงสลุตจำนวน 21 นัด 
    ถ้าเป็นระดับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ที่เป็นทหาร) ผู้บัญชาการทหารเรือ จอมพลเรือ และเอกอัครราชทูต ยิงสลุต 19 นัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ที่เป็นพลเรือน) พลเรือเอก และเอกอัครราชทูตพิเศษ ยิงสลุต 17 นัด พลเรือโท และอัครราชทูต ยิงสลุต 15 นัด พลเรือตรี และราชทูต ยิงสลุต 13 นัด (สามเหล่าทัพยศเท่ากัน ยิงสลุตเท่ากัน) อุปทูตยิงสลุต 11 นัด กงสุลใหญ่ ยิงสลุต 9 นัด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"