“หมาตาย-เห็บโดด” หรือดังคำพังเพยที่ว่า "นายที่หมดอำนาจ ลูกน้องหายหมด” อาจเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เจ้าของพรรคเพื่อไทย ที่จัดงานฉลองวันเกิดปีที่ 69 เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แบบกร่อยๆ ในเวลานี้

      ด้วยของขวัญพิเศษจากไทยแลนด์ ด้วยหมายจับใบที่ 5 “คดีหวยบนดิน” จากก่อนหน้ามีชนักปักหลังหมายจับ 4 คดี ได้แก่ คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย, คดีทุจริตการปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์, คดีออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต และคดีฟื้นฟูกิจการทีพีไอ

      รวมทั้งอีกชิ้นสำคัญ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สั่งฟ้อง "พานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชายนายทักษิณ ต่อสำนักอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ทุจริตอนุมัติสินเชื่อของอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มธุรกิจในเครือกฤษดามหานครโดยมิชอบซึ่งมีธุรกรรมการเงินจำนวน 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท

      เรียกได้ว่าเบิร์ธเดย์นายใหญ่ ถูกจัดหนักจัดเต็มแบบไม่ยั้ง แม้ตัวเองจะพยายามปลุกขวัญผ่านงานวันเกิดว่า “เลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย สไลด์มากกว่าแลนด์สไลด์ด้วยซ้ำ" และสัญญาณจ่ายท่อน้ำเลี้ยง มาพร้อมกับ "นคร มาฉิม" อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาดับเครื่องชนดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ ทหาร และสถาบันตุลาการ ที่สมคบคิดกันล้มรัฐบาลนายใหญ่

      แต่เชื่อว่า ผู้มีอำนาจคงจะไม่สนใจวาทกรรมเดิมๆ ที่ นายใหญ่ต้องการเรียกคะแนนสงสาร ต้องการรักษาฐานแฟนคลับเอาไว้ แตกต่างจาก คสช. ที่คุมกลไกของประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะเครื่องมือทางกฎหมาย ที่นายทักษิณก็ทราบดีว่าไม่สามารถเอาชนะได้

      ดังนั้น หากยังซ่าไม่เลิก คดีความกดดันทยอยออกไปเรื่อยๆ ให้ประชาชนเห็นความทุจริต คอร์รัปชันของอดีตผู้นำประเทศผู้นี้ พ่วงไปด้วยกับคนในครอบครัวชินวัตร  อาทิ บุตรชาย คนโต ที่ถูกจับเป็นประกัน ที่สุ่มเสี่ยงต่อการติกคุก และอาจต้องเดินตามน้องสาวคนสวย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกสั่งจำคุก 5 ปี ในคดีเกี่ยวกับจำนำข้าว จนหนีออกประเทศและไม่มีแผ่นดินจะอยู่

      นอกจากนี้ยังส่งสัญญาณอันตรายไปที่บรรดาลิ้วล้อและบริวารของนายทักษิณ อาจจะต้องหนาวๆ ร้อน อาจถูกเช็กบิลเช่นนายห้างตราดูไบ ทั้งคดีความต่างๆ ที่อยู่ในลิ้นชัก ป.ป.ช. เช่น คดี 40 ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าชื่อเสนอพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย และ 34 ครม.ชุดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่จ่ายเงินผู้ชุมนุมทางการเมืองในปี 48-53 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่บิ๊ก คสช.จะสั่งเด็กๆ ทั้ง 9 คนที่ตั้งขึ้นมาหยิบสำนวนขึ้นพิจารณาได้เสมอ ซึ่งมีโทษถึงการติดคุกและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต 

      ไม่นับรวมทั้งกลไกตามรัฐธรรมนูญ อำนาจเชิงรุกขององค์กรอิสระ อาทิ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ และวุฒิสภาจำนวน 250 คนที่แต่งตั้งโดย คสช. สามารถเล่นงานพวกเขาในอนาคตได้เสมอใช่หรือไม่

      กลับมาที่สถานการณ์การเมืองก็ไม่เอื้อต่ออดีต ส.ส.เพื่อไทย เพราะติดล็อกทางการเมือง ตรงข้ามกับ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.สามารถลงพื้นที่พบปะประชาชนฝ่ายเดียว กักตุนคะแนนความนิยมไปสู่การเลือกตั้งปี 62 พร้อมอัดฉีดงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ผ่านโครงการประชารัฐและไทยนิยมยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหาความยากจนแบบเจาะลงลึกถึงในระดับหมู่บ้าน และชุมชนกว่า 8 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ที่เชื่อว่า “อาจทำให้ชาวบ้านลืมนายใหญ่ได้”   

      สอดคล้องกับเกมการเมืองคู่ขนานภายใต้การนำของกลุ่มสามมิตร ที่จะช่วงชิงความได้เปรียบกวาดต้อนอดีต ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ได้ง่ายขึ้น และอาจเลิกการ “ดูด” ด้วยการใช้เงิน คดีความ และตำแหน่ง ล่อเข้าค่ายทหาร เพราะจากชะตากรรมของนายทักษิณเวลานี้ กลุ่มสามมิตร ไม่ต้องทำอะไร เพราะเชื่อว่าอดีต ส.ส.ต่างๆ จะกระโดดออกมาเอง เพราะไม่อยากตายเช่นนายใหญ่

      เช่นดังคำพังเพยที่ว่า "นายที่หมดอำนาจ ลูกน้องหายหมด” หรือ “หมาตาย-เห็บโดด” นั่นเอง.