ที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีที่เกี่ยวข้อง ได้ช่วยจัดทำโครงการเพื่อรณรงค์ให้คนไทยเลิกสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น โครงการ “3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน” ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ทำให้คนไทยเลิกบุหรี่นับล้านคน และในวันงดสูบบุหรี่โลก เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการกำหนดประเด็นการรณรงค์ว่า "บุหรี่ตัวร้าย ทำลายหัวใจ (Tobacco Break Heart)" ซึ่งเป็นการเพิ่มความเข้มข้นให้กับการรณรงค์ขึ้นไปอีก

            นอกจากนี้ ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายหมออนามัย ประกอบด้วย มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย สมาคมหมออนามัย ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ ได้จัดให้มีการมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ หน่วยงาน ชุมชน และ อสม.ที่ทำงานด้านบุหรี่ดีเด่นในการเชิญชวนผู้สูบบุหรี่ให้สมัครใจเลิกสูบบุหรี่

            โดยนายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญและกำลังใจเป็นปีที่ 2 ให้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้ร่วมกัน ชักชวน เชิญชวน ท้าชวนให้ผู้สูบบุหรี่เลิกบุหรี่อย่างต่อเนื่องให้ได้ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือตลอดชีวิตได้สำเร็จจำนวน 3 ล้านคน ในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน (ซึ่งกำหนดจัดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2559 ถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2562)

            ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวต่อว่า การดำเนินงานเพื่อเชิญชวนให้ผู้สูบบุหรี่ได้ตัดสินใจเลิกสูบบุหรี่ ถือเป็นพื้นฐานการสร้างเสริมสุขภาพที่สำคัญสำหรับคนในชาติ เพราะจะช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพ การเจ็บป่วยและการสูญเสียจากการสูบบุหรี่ และสอดคล้องกับกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO FCTC) ที่ได้กำหนดมาตรการลดการใช้ยาสูบและสูดดมควันบุหรี่มือสอง ให้คนไทยทุกคนต้องรับผิดชอบปกป้องสุขภาพของตนเอง บุคคลใกล้ชิดและสังคม ซึ่งจะต้องลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ให้ได้ร้อยละ 30 ในปี พ.ศ.2568 ผลการดำเนินงานของหลายๆ ส่วนร่วมกัน พบว่าเป็นที่น่ายินดีที่ขณะนี้ มีผู้สมัครใจเลิกบุหรี่ จำนวน 1,215,956 ล้านคน และมีผู้เลิกบุหรี่อย่างต่อเนื่องให้ได้ไม่น้อยกว่า 6 เดือน จำนวนกว่า 129,698 คน ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์สำคัญของการทำงานด้านบุหรี่ และเป็นประวัติศาสตร์การสร้างเสริมสุขภาพของประเทศ

            ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมปลอดบุหรี่ และภาคีเครือข่ายต่างๆ ได้ร่วมกันได้ดำเนินงานต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 แล้ว การมอบรางวัลในวันนี้ถือเป็นรางวัลเชิดชูเกียรติที่แสดงถึงความเข้มแข็งในการทำงานด้านสุขภาพของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ชุมชน ในปีนี้มีผลงานดีเด่นด้านระดับประเทศคือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองนครราชสีมา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่ไร่ ตำบลแม่ไร่ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ชุมชนบ้านเหล่าพัฒนา หมู่ 5 บ้านเหล่าพัฒนา ต.เหล่าพัฒนา อ.นาหว้า จ.นครพนม และ อสม. สามารถ รอดเพ็ชร ที่อยู่ 17 หมู่ 17 ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี 

            การร่วมมือทำงานเพื่อเชิญชวนเลิกบุหรี่นี้สามารถทำให้มีผู้สมัครใจเลิกบุหรี่รวมสะสม 2 ปีได้มากกว่าล้านคน ส่วนการดำเนินงานปีที่ 3 ของโครงการ จะเริ่มตั้งแต่เดือน 1 มิถุนายน 2561-30 พฤษภาคม 2562 กระทรวงสาธารณสุข สสส.และภาคีต่างๆ จะได้ผนึกกำลังกันอีกครั้ง เพื่อเดินหน้าชวน ช่วย ให้คนไทยเลิกบุหรี่ให้ได้เพิ่มมากขึ้น และเป็นไปตามเป้าหมายของประเทศ หากทุกคนร่วมมือร่วมใจในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาสาสมัครสาธารณสุขที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย 1 ล้านคน ช่วยกันชวนคนเลิกบุหรี่ให้ได้ 2 คนต่ออาสาสมัครหนึ่งคนในปีสุดท้ายของโครงการนี้ การช่วยให้คนไทยเลิกบุหรี่ได้ 3 ล้านคน เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และจะเป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ

            นายธาดา วรรธนปิยกุล ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย ในนามเครือข่ายหมออนามัย 4 องค์กร กล่าวว่า โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติที่ทำเพื่อถวายความดี แสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ซึ่งจะช่วยลดปัญหาสุขภาพของประชาชนอันเกิดจากสูบบุหรี่ และเชื่อว่าจะเป็นรากฐานการสร้างระบบสุขภาพ เป็นต้นแบบการแก้ปัญหาสุขภาพตั้งแต่ต้นน้ำ โดยเป็นการระดมพลังจากทุกภาคส่วนหนุนเสริมทำงานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน และมีการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน ให้ประชาชนห่างไกลจากพิษภัยบุหรี่และมีสุขภาพที่ดีอายุยืนยาว 

            การขับเคลื่อนกิจกรรมรณรงค์ต้านบุหรี่อย่างต่อเนื่องแบบนี้ มั่นใจจะทำให้คนไทยเสพควันร้ายลดลงอย่างแน่นอน.

 

เทศกาลอาหารสงขลา อร่อยได้ไร้แอลกอฮอล์

            เมื่อเร็วๆ นี้ ที่บริเวณสระบัว แหลมสมิหลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดงานเทศกาลอาหารสองทะเลและอาหารพื้นบ้าน อร่อยได้ไร้แอลกอฮอล์ ครั้งที่ 19 ประจำปี 2561 ภายใต้แนวคิด "ปลอดโฟม ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม-9 มิถุนายน 2561 สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) เพื่อเผยแพร่อาหารทะเล อาหารพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์ในแบบอาหารปักษ์ใต้ และส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ตลอดจนการกระจายรายได้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น

            งานเทศกาลอาหาร 2 ทะเลฯ นับเป็นกิจกรรมที่สำคัญของจังหวัดสงขลา โดยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และได้จัดต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 19 ปี ซึ่งจังหวัดสงขลาถือเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคใต้ ที่มีพื้นที่ติดกับทะเล 2 ทะเล คือ ทะเลอ่าวไทยและทะเลสาบสงขลา เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มี 2 ทะเล 3 น้ำ ทำให้ชาวสงขลามีวิถีชีวิตผูกพันกับทะเล ทำอาชีพการประมงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางทะเล จึงทำให้มีวัตถุดิบในการปรุงอาหารที่หลากหลาย

            ขณะเดียวกัน จังหวัดสงขลายังเป็นเมืองท่าทางประวัติศาสตร์ที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย ทำให้มีสูตรอาหารดั้งเดิมที่อร่อยหลายสูตร จึงใช้จุดเด่นของอาหารทะเล อาหารพื้นบ้าน และอาหารขึ้นชื่อของสงขลาเป็นไฮไลต์ของงาน สำหรับในเรื่องของอาหารที่จำหน่ายภายในงาน เทศบาลได้มีการจัดอบรมและขอความร่วมมือผู้ประกอบการจำหน่ายอาหาร ให้ดูแลเรื่องของความสะอาด อร่อย ถูกสุขลักษณะ และที่สำคัญภาชนะที่ใส่อาหารต้องปลอดโฟม 100 เปอร์เซ็นต์ ภายใต้สโลแกน “ปลอดโฟม ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม”

            สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่อาหารทะเลและอาหารพื้นบ้านของจังหวัดสงขลา ที่มีเอกลักษณ์ของความอร่อยในแบบอาหารปักษ์ใต้ และเพื่อส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา ซึ่งมีความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยว ตลอดจนเพื่อเป็นการกระจายรายได้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น โดยภายในงานมีการเปิดตัวสาวงามจากผู้เข้าประกวดนางสาวสมิหลา 2561 การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง การออกร้านจำหน่ายอาหารทะเล อาหารพื้นบ้าน ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทะเล สินค้า OTOP ของชุมชน พร้อมทั้งมีกิจกรรมสาธิตการประกอบอาหาร กิจกรรมการแสดงบนเวทีทุกค่ำคืน โดยมีดารา ศิลปิน นักร้อง นักแสดงมาให้ความบันเทิงมากมาย นอกจากนี้ยังมีโซนสวนสนุกและเครื่องเล่นที่มาสร้างสีสันภายในงานอีกด้วย.