ช่วงฟุตบอลโลก 2018 นอกจากการพนันที่แพร่ระบาดหนักทุกพื้นที่แล้ว อีกประเด็นที่น่ากังวลคือ การดื่มแอลกอฮอล์ของเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ เมื่อดูจากการเก็บข้อมูลในช่วงฟุตบอลยูโร 2016 ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน-18 มิถุนายน 2559 ของวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 1,335 ตัวอย่าง ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่ามีผู้ดื่มเหล้า เบียร์ ส่งผลให้กระตุ้นอยากเล่นพนันฟุตบอลตามมาด้วย วัยรุ่นเมา ตีกันบาดเจ็บ เกิดอุบัติเหตุ และทำให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยลดปัญหาดังกล่าว จึงเกิดกิจกรรมสร้างสรรค์อย่าง “ดื่มนมชมบอล” ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ให้การสนับสนุนขึ้นตามร้านอาหารและเครื่องดื่มบริเวณรอบมหาวิทยาลัยต่างๆ ในช่วงมหกรรมฟุตบอลระดับโลกครั้งนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้เด็กและเยาวชนสามารถชมฟุตบอลให้สนุกสนาน เพลิดเพลิน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหยุดปัญหาที่เกิดขึ้นอีกมากมาย


“น้องเป้า” หรือนายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ที่สนับสนุนให้กับเยาวชนเชียร์ฟุตบอลโดยไม่ดื่มเหล้า เบียร์ ด้วยการเปิดพื้นที่ทางเลือกใหม่ๆ ให้เพื่อนๆ ของพวกเขาเข้าไปร่วมกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับการเชียร์ฟุตบอลโลก
“ผมคิดว่ากีฬา ดนตรี เป็นไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นทุกคน ปัญหาสำคัญของบ้านเราคือ เด็กเยาวชนเขาไม่มีพื้นที่ นอกเหนือจากร้านเหล้าให้พบปะสังสรรค์กัน”
ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ระบุข้อมูลว่า ขณะนี้มีนักดื่มหน้าใหม่เฉลี่ยเกิดขึ้น 250,000 คนต่อปี และมีเยาวชนที่เป็นนักดื่มทั่วประเทศประมาณ 2,500,000 คน ซึ่งถือว่าขณะนี้ตัวเลขลดลงเรื่อยๆ และยังเป็นสิ่งจำเป็นที่คนในสังคมจะต้องร่วมด้วยช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
“สถานการณ์ในปัจจุบันเริ่มดีขึ้น อย่างเช่น ในเทศกาลฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะเริ่มมีร้านทางเลือกให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาเลือกนั่งมากขึ้นรอบๆ สถานศึกษา เช่น ร้านนม ร้านกาแฟ ถือเป็นร้านทางเลือกที่สร้างสรรค์และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ควบคู่กันไปด้วยในบางแห่ง”
การเปิดพื้นที่แบบนี้เป็นร้านทางเลือกทำให้เด็กมารวมตัวกัน มีจุดประสงค์ดูฟุตบอล มีพื้นที่ปลอดภัย ไม่ต้องมีเหล้า เบียร์ เช่น กิจกรรมดื่มนมชมบอลที่ สสส.และ สคล.จัดขึ้นทุกครั้ง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่ากิจกรรมดังกล่าวช่วยลดและแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสถานศึกษาเองหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องช่วยกันสนับสนุนธุรกิจที่ปลอดภัยแบบนี้รอบสถานศึกษา
“ผมคิดว่าสังคมต้องตั้งหลัก ลงมือคิดทำ ช่วยกัน มีพื้นที่ เปิดพื้นที่ใหม่ๆ ให้กับพวกเขาได้ทำกิจกรรม รวมไปถึงครอบครัว ชุมชน ก็สร้างพื้นที่ให้พวกเขาสามารถรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์ หรือถ้าอยู่ที่บ้านก็ชวนลูกๆ มารวมตัวกันดูฟุตบอลด้วยกัน”
นายธีรภัทร์กล่าวต่อว่า โอกาสนี้ขอฝากถึงการทำหน้าที่ของภาครัฐ หน่วยงานที่รับผิดชอบว่า ในเมื่อรัฐบาลสนับสนุนให้คนไทยได้ดูฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ก็ควรมีมาตรการคุมเข้ม ป้องกัน ป้องปรามการฉวยโอกาสจากธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มาในรูปแบบโฆษณาแฝงให้ชัดเจนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์ ซึ่งเด็กเยาวชนเสพข้อมูลตรงจากช่องทางเหล่านี้มากที่สุด กลายเป็นพื้นที่โฆษณาทางตรงที่อันตรายที่สุดในขณะนี้ โดยที่รัฐไม่ได้เข้าไปจัดการจริงจัง และจะทำให้เกิดปัญหานักดื่มหน้าใหม่อันเป็นผลพลอยได้ที่เป็นอันตรายพ่วงมาจากเทศกาลบอลโลก ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก รวมทั้งธุรกิจน้ำเมาก็รุกหนักในทางตรง ทางอ้อม โดยเฉพาะการตลาดในแนวราบด้วยการจัดกิจกรรมเล็กๆ ย่อยๆ ในพื้นที่เต็มไปหมด
"เจ้าหน้าที่รัฐมักจะมองว่าเรื่องแอลกอฮอล์เป็นปัญหาเทาๆ ไม่ได้ดำเหมือนปัญหาการพนันฟุตบอล เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องจัดการมากนัก และเพราะแอลกอฮอล์ไม่ผิดกฎหมาย ดื่มได้ ตามข้อกำหนดอายุ สถานที่ การควบคุม เจ้าหน้าที่เลยเห็นว่าเป็นการเสียเวลา ซึ่งเป็นกระบวนทัศน์ที่รัฐคิดลักษณะนี้ต้องแก้ไขในการมองปัญหาแอลกอฮอล์ เพราะแท้จริงแล้วมันไม่ใช่สินค้าธรรมดา แต่มันส่งผลกระทบต่างๆ ตามมามากมาย เจ็บตาย อุบัติเหตุมากกว่าบางสงครามเสียอีก ควรต้องหันมาทำความเข้าใจปัญหาและปรับวิธีคิดเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ช่วงเทศกาลบอลโลกนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจบริเวณที่มีการดื่มเหล้า เบียร์ ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุ หรือมีเยาวชนต่ำกว่า 20 ปีดื่ม ขอให้เอาผิดกับร้านค้าที่ขายให้เด็กด้วย"
ขณะที่ “น้องตั๊ก” หรือนางสาววิศิณี สนแสบ อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ยอมรับว่าตนเองก็เป็นหนึ่งในบรรดากองเชียร์ที่เฝ้ารอแมตช์สำคัญในเกมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ และนัดหมายเพื่อนฝูงเพื่อรวมตัวกันเชียร์ทีมในดวงใจไว้แล้วเช่นกัน โดยตัวเธอนั้นเลือกที่จะไปชมฟุตบอลโลกข้างนอกหรือร้านต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องนัดพบปะเพื่อนๆ กันที่ร้านเหล้า เพื่อหลีกเลี่ยงการชมฟุตบอลและดื่มเหล้า เบียร์ไปด้วย
“คิดว่าการชมฟุตบอลให้สนุกมีหลายทางเลือก โดยที่เราไม่ต้องไปอยู่ในร้านเหล้าก็ได้ และการที่เราเชียร์ฟุตบอลโดยไม่ดื่มเหล้า เบียร์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราสนุกเพิ่มขึ้น สำหรับตัวเอง คิดว่าการไม่ดื่มจะยิ่งช่วยทำให้เราเซฟตัวเอง ไม่ทำให้เกิดปัญหาปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือภัยอันตรายอื่นที่อาจจะเกิดขึ้นจากพิษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นหากไม่ดื่มจะเป็นการตัดปัญหาแต่ต้นลม และทุกคนมีทางเลือกที่เชียร์สนุกกับเกมฟุตบอลอย่างสร้างสรรค์ ปัญหาสำคัญที่จะเกิดนักดื่มหน้าใหม่คือ โฆษณาแฝงของธุรกิจแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระตุ้นให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่ขึ้นในช่วงฤดูกาลฟุตบอลโลกครั้งนี้อย่างแน่นอน เพราะสิ่งเหล่านี้เข้ามาเกือบทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ หรือในทีวี ที่กระตุ้นให้เกิดการอยากดื่ม อยากลอง และยากจะหลีกเลี่ยงได้
อยากให้เจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานที่รับผิดชอบ เฝ้าระวังควบคุมก่อนที่จะตามมาแก้ไขปัญหาทีหลัง และอยากฝากน้องๆ เยาวชน เพื่อนๆ ทุกคนให้เชียร์ฟุตบอลโลกปีนี้ให้สนุกด้วยการไม่ดื่ม หรือคนที่เคยดื่มก็ขอให้เปลี่ยนเป็นหยุด ลด ละ เลิก เพราะท้ายที่สุดจะเป็นตัวช่วยไม่ให้เกิดปัจจัยเสี่ยง อันตรายตามมากับชีวิตของเรา" น้องตั๊กทิ้งท้าย
เมื่อเห็นตัวอย่างของแกนนำเยาวชนเหล่านี้ จะเห็นว่าการชมฟุตบอลโลก 2018 โดยไม่พึ่งเหล้าและเบียร์ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และยังหยุดปัญหาอื่นๆ ที่อาจตามมา.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |