เมเจอร์ เร่งหาลูกค้าใหม่ เล็งขยายฐานเจาะแบรนด์ภูธร พร้อมสร้างโรงหนังสำหรับเด็ก  ดันยอดรายได้ธุรกิจโฆษณาโรงหนัง เชื่อจบปีโต 10% 

นายนิธิ พัฒนภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจสื่อและโฆษณาปี 2561 ต้องการรุกงานขายในโรงหนังต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าที่เป็นแบรนด์ระดับแมส ได้มีช่องทางการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของตนเอง ไปยังกลุ่มลูกค้าที่อาศัยตามจังหวัดนั้นๆ โดยแบรนด์ไม่จำเป็นต้องลงโฆษณาทุกแห่ง สามารถเลือกเฉพาะโรงภาพยนตร์ที่ต้องการ ทั้งยังไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในการทำหนังโฆษณา แต่ยังคงการสื่อสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคได้ตรงจุด 

 “เรากำลังพยายามหาลูกค้าใหม่ๆ ให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าโรงหนังเมเจอร์จะมีสัดส่วนในต่างจังหวัด 60% ขณะที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 40% แต่รายได้ธุรกิจมีเดียกลับสวนทางกัน เรามีเป้าหมายผลักดันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจสื่อและโฆษณาในต่างจังหวัดปีนี้ขึ้นมาเป็น  50% จากที่ผ่านมาส่วนมากเติบโตในเขตกรุงเทพฯ หรือมีสัดส่วน 70% โดยมีแค่เพียง 30% เท่านั้นที่เป็นต่างจังหวัด" นายนิธิ กล่าว

 ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการรองรับผู้ชมภาพยนตร์กลุ่มเด็กและครอบครัว  จึงเตรียมปรับโรงหนังบางทำเลให้เป็นโรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นเมกาบางนาและเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต โดยรูปแบบการจำหน่ายตั๋วหนังอาจเป็นแพ็คเกจ หรือมีสปอนเซอร์ที่ทำราคาพิเศษร่วมกัน ในส่วนนี้นอกจากตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรับชมหนังแบบครอบครัวแล้ว ยังต่อยอดให้กับแบรนด์ที่ต้องการทำกิจกรรมและลงโฆษณาเพื่อทำตลาดกับกลุ่มดังกล่าวอีกด้วย 

 นายนิธิ กล่าวว่า สำหรับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากต่างประเทศ ในปีนี้เตรียมรอเข้าคิวฉายจำนวนมาก โดยงานขายจะเป็นโฆษณาตามหนัง ซึ่งแบรนด์สามารถเลือกลงโฆณณากับภาพยนตร์ที่เห็นว่าตรงกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าได้มากที่สุด บริษัทเริ่มขายในลักษณะดังกล่าวมาเป็นเวลา 2-3 ปีแล้วมีสัดส่วน 15-20% ตั้งเป้าปีนี้จะเป็น 50%