อ่าวไทยกำลังเน่าหนัก ทะเลกำลังร้องไห้!


เพิ่มเพื่อน    

     อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์เอาภาพนี้ขึ้นเฟซบุ๊กวันก่อน พร้อมกับข้อความที่ผมขออนุญาตเผยแพร่ต่อให้คนไทยทั้งประเทศได้อ่าน และร่วมกันลงมือทำอะไรอย่างจริงจังก่อนจะสายเกินไป

    อาจารย์ธรณ์บอกว่า "ยินดีอย่างยิ่ง" ที่จะนำภาพและข้อความนี้ไปบอกกล่าวเพื่อนร่วมชาติกันอย่างกว้างขวาง
    เพราะเอาเข้าจริงๆ ไม่มีคนใดคนหนึ่งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือแม้แต่รัฐบาลที่จะสามารถกู้วิกฤตินี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงจัง
    เป็นเรื่องของทุกคนในชาติ
    ความจริงวันนี้ก็สายไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะอ่าวไทยกำลังเน่าอย่างรุนแรง
    ปัญหาใหญ่มากครับ อาจารย์ธรณ์บอกว่า "ทะเลกำลังร้องไห้"!
    จะมีประโยชน์อะไรที่เราประกาศนโยบาย Thailand 4.0 แต่อ่าวไทยกำลังจะเน่า และทรัพยากรทางทะเลของเรากำลังเข้าขั้นวิกฤติ?
    ผมเพิ่งไปทำรายการ Thailand Live กับ ThaiPBS คุยกับชาวประมงและชาวบ้านที่เพชรบุรี ได้รับรู้เรื่องราวความวิปริตของอ่าวไทยในทำนองเดียวกัน
    เป็นวิกฤติระดับชาติที่เราจะอยู่เฉยๆ หรือทำอะไรแบบที่ทำแบบเดิมต่อไปไม่ได้แล้ว
    อาจารย์ธรณ์บอกว่าภาพนี้ส่งมาจากท่านคณบดีคณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ รศ.ดร.เชษฐพงษ์  เมฆสัมพันธ์
    นอกจากเป็นคณบดี ท่านยังเป็นประธานคณะทำงานด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมทางทะเล ภายใต้คณะกรรมการทะเลแห่งชาติ
    ภาพนี้ได้มาจากการลงสำรวจทะเลอ่าวไทยตอนใน หรืออ่าวไทยรูปตัว ก.
    ท่านขับเรือสำรวจตั้งแต่สัตหีบไล่มาจนถึงศรีราชา น้ำทะเลเป็นสีเขียวปี๋ขุ่นคลั่ก
    ขับเรือเรื่อยต่อมาทางปากแม่น้ำบางปะกง น้ำทะเลเป็นสีแดงคล้ำจนเหมือนสีดำ
    ท่านวกมาสำรวจตามชายฝั่ง ปลาตาย คลื่นสีเขียวสาดซัดเข้าฝั่ง ยังพาขยะพลาสติกเข้ามา
    จากนั้นท่านจึงบอกผมว่า ธรณ์...ช่วยหน่อย
    ช่วยบอกคนไทยหน่อยว่า เรากำลังอยู่ในสถานการณ์แสนสาหัส
    อ่าวไทยตอนในกำลังเน่าอย่างรุนแรง
    เมื่อดูภาพนี้ประกอบกับข่าวที่เราได้ยินตลอด 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมา
    ไม่ว่าจะเป็นข่าวน้ำเสียที่พัทยา น้ำดำที่บางแสน ฯลฯ
    เป็นภาพที่สอดคล้องกัน ภาพที่แสดงว่าทะเลอ่าวไทยตอนในกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก
    ปัญหาคือน้ำเปลี่ยนสี (ขี้ปลาวาฬ)
    น้ำเปลี่ยนสีเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดขึ้นเป็นระยะในช่วงหน้าฝน รวมถึงปลายฝนต้นหนาว
    น้ำเปลี่ยนสีเกิดจากคุณภาพน้ำผิดปกติ มีธาตุอาหารสูงมาก
    แพลงก์ตอนพืชมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง และทำให้สัตว์น้ำหน้าดินตาย
    หรือบางครั้งหากหนักมาก จะทำให้ปลาตายเนื่องจากในน้ำขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง
    น้ำจากสัตหีบถึงสีชังเป็นสีเขียวขุ่น เพราะแพลงก์ตอนพืชกลุ่มหนึ่ง
    น้ำจากบางแสนเรื่อยมาถึงปากน้ำบางปะกงเป็นสีดำ เพราะแพลงก์ตอนพืชอีกกลุ่มหนึ่ง
    แต่ไม่ว่าจะสีไหน สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังบอกเราว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ในอดีตเคยเกิดในบางพื้นที่และเป็นช่วงสั้นๆ ความรุนแรงไม่มากมายนัก
    ปัจจุบัน มันเปลี่ยนไปและเปลี่ยนไปอย่างมาก
    ทะเลเปลี่ยนสีแทบทั้งอ่าวไทยตอนใน น้ำเต็มไปด้วยแพลงก์ตอน จนปลาตายแล้วถูกซัดขึ้นมาบนหาด ตรงนั้นตรงนี้สลับกันไป
    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความรุนแรงของน้ำเปลี่ยนสีมีมากขึ้นและมากขึ้น
    เหตุผลสำคัญคือการพัฒนาที่ควบคุมไม่ได้ ระเบียบกติกาที่ไม่สามารถบังคับใช้ ทำให้สิ่งที่ลงมากับแม่น้ำลำคลองทำลายสมดุลแห่งท้องสมุทร
    ธาตุอาหารที่มาจากปุ๋ยเคมีภาคการเกษตร
    น้ำที่ปราศจากการบำบัดจากแหล่งชุมชน
    การปล่อยน้ำเสียลงตรงๆ จากแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและแออัด
    การตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ตัวกรองตั้งแต่ต้นน้ำหายไป
    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดน้ำท่วมน้ำหลาก พัดพาของเสียลงสู่ทะเล
    ของเสียในที่นี้ ยังหมายถึงขยะบนบกที่ลงสู่ทะเลทุกครั้งที่เกิดน้ำท่วมใหญ่
    เพราะระบบการจัดการขยะของเราไม่สมบูรณ์ การกลบฝังขยะจำนวนมากกลายเป็นภูเขาขยะ
    ยังมีเหตุผลอีกมากมาย แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือเราจะต้องเจอกับปัญหามากขึ้นและมากขึ้น โดยผมยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด
    มันเป็นสภาพที่เราต้องเผชิญ ในระหว่างที่เรากำลังพยายามทำให้ประเทศนี้ดีขึ้น
    จริงอยู่ บางอย่างเราอาจแก้ได้ในบางพื้นที่
    ปิดเกาะ-ฟื้นฟูปะการัง-ควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว-จัดระบบบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวทางทะเล ฯลฯ
    แต่หากเป็นน้ำเสีย/ขยะทะเล เราทำเช่นนั้นไม่ได้
    ทะเลเป็นปลายน้ำ เป็นจุดสุดท้ายที่รองรับทุกอย่างจากแผ่นดิน
    โดยเฉพาะอ่าวไทยตอนใน อ่าวประวัติศาสตร์ อ่าวสยาม
    เป็นที่รองรับทุกอย่างจากแม่น้ำสำคัญที่สุดในประเทศ 4 สาย (บางปะกง เจ้าพระยา ท่าจีน และแม่กลอง)
    เป็นชายฝั่งที่มีคนอาศัยมากที่สุด มีเมืองท่องเที่ยวทางทะเลขนาดใหญ่ที่สุด มีท่าเรือใหญ่สุด และมีการพัฒนาในทุกด้าน
    ยังเป็นทะเลที่อยู่ติดกับพื้นที่แห่งความหวัง EEC
    แต่ถ้าทะเลอ่าวไทยตอนในตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ขณะที่ EEC กำลังจะเกิด
    ผมบอกได้ว่าในแง่สิ่งแวดล้อมทางทะเล เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เราเริ่มจากติดลบ
    ติดลบอย่างไร? ลองดูภาพเหล่านั้นอีกครั้ง
    ผมไม่ได้ต้องการเขียนเรื่องนี้เพื่อกล่าวโทษคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะผมไม่รู้จะโทษใคร
    ผมเพียงต้องการจะบอกว่า เราลำบากแน่และลำบากมากๆ
    เพราะผมเชื่อว่าปัญหาจะหนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการพัฒนาชายฝั่ง
    และมากขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพภูมิอากาศแปรปรวน ที่นับวันจะรุนแรงและคาดเดาได้ยาก
    ผลกระทบจากน้ำเปลี่ยนสีตลอดชายฝั่ง ทำให้ความหวังหลายอย่างเป็นไปแทบไม่ได้
    เราจะมีนักท่องเที่ยวที่ยินดีจ่ายเงินในอัตราสูงได้อย่างไร หากน้ำทะเลเราเน่าจนไม่มีใครอยากลงเล่น...หรือแม้แต่ดู
    เราจะพัฒนาอาหารทะเลมูลค่าสูงได้อย่างไร หากปลาในทะเลขาดออกซิเจนหายใจจนตายเกลื่อนหาด
    เรากำลังลำบากครับ
    และหากภาคส่วนอื่นๆ ไม่เข้าใจ ปล่อยให้คนทะเลแก้ไขปัญหาทะเลเพียงลำพังเหมือนที่ผ่านมา  สถานการณ์จะพาเราเข้าสู่จุดสิ้นหวัง
    เพราะการแก้ปัญหาที่ปลายน้ำทำได้ยากเย็นแสนสาหัส
    เน้นย้ำอีกครั้งว่า ท่านคณบดีคณะประมง ผู้ฝากเรื่องนี้ให้ผมมาบอกต่อ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานด้านนี้มา 30 ปี
    คณะทำงานมลพิษทางทะเลก็มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำเปลี่ยนสีแทบทั้งหมดที่ประเทศนี้มี
    พวกเขายังรู้สึกใกล้หมดหวัง เห็นทะเลพังไปต่อหน้าต่อตา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
    เพราะถ้าทุกคนพยายามสุมปัญหาลงมาที่ทะเล จากนั้นหวังว่านักวิชาการจะช่วยแก้ปัญหาให้ คนทำงานในทะเลจะทำให้น้ำสะอาดขึ้นได้
    มันไม่มีคนกลุ่มนั้นอยู่ในโลก ไม่มีฮีโร่ที่คิดค้นยาที่หยดติ๋งลงไปแล้วทำให้มหาสมุทรสะอาด
    ไม่มีโรงบำบัดน้ำเสียใดๆ ไม่ว่าจะใช้เทคโนโลยีเลิศเลอจากที่ไหน สามารถบำบัดน้ำเสียที่ถูกปล่อยลงมาอย่างไร้ความรับผิดชอบตั้งแต่ต้นทาง
    ตั้งแต่บ้าน ตั้งแต่ร้านอาหาร ตั้งแต่โรงแรม ตั้งแต่ชุมชน ตั้งแต่โรงงาน ตั้งแต่ไร่นาบ่อปลา ฯลฯ
    มันมีเพียงแต่คำว่า "รับผิดชอบ" ร่วมกันของทุกฝ่าย
    สุดท้าย การนำเสนอปัญหาทุกครั้ง ควรต้องมีทางออก
    ในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศและกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ผมได้เสนอไปแล้วว่า ให้จัดทำพื้นที่ต้นแบบ 2 แห่ง คือ คลัสเตอร์ท่องเที่ยวอันดามัน และพื้นที่อ่าวไทยตอนใน & EEC
    ผมเริ่มเห็นการทำงานอย่างจริงจังในคลัสเตอร์อันดามัน ที่เร่งเครื่องมากขึ้นหลังเหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ ที่สร้างผลกระทบอย่างแรงต่อรายได้ประเทศ
    แต่ผมยังไม่เห็นความหวังใดๆ ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในและ EEC ในเรื่องการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล
    จึงนำภาพและคำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลมาบอกไว้
    เราจะพัฒนา EEC แล้วเรียกว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างไร
    ในเมื่อทะเลกำลังร้องไห้ครับ!
    นี่คือคำเตือนจากทั้งอาจารย์เชษฐพงษ์และอาจารย์ธรณ์ที่ผมเห็นว่าจำเป็นจะต้องป่าวประกาศให้รู้กันทั่วประเทศ
    นี่ไม่ใช่วิกฤติเฉพาะอ่าวไทย นี่คือวิกฤติของชาติ!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"