คลังจ่อขยายวงเงินโอนพร้อมเพย์ 7 แสนบาทฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียม


เพิ่มเพื่อน    

คลังจ่อขยายวงเงินโอนพร้อมเพย์ฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียม เพิ่มเป็น 7 แสนบาท ภายใน 1-2 เดือนนี้ หวังรอบรับธุรกรรมขนาดใหญ่มากขึ้น พร้อมประเมินความสำเร็จก่อนเล็งขยายเพิ่มเป็น 2 ล้านบาทในระยะต่อไป

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ National e- Payment ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท. ) เตรียมหารือกับสมาคมธนาคารไทย เรื่องการขยายวงเงินในการโอนเงินฟรีผ่านระบบพร้อมเพย์ จากวงเงิน 5 พันบาท เพิ่มเป็น 7 แสนบาทภายใน 1 - 2 เดือนนี้ โดยจะประเมินผลเพื่อพิจารณาขยายวงเงินเป็น 2 ล้านบาทในระยะต่อไป เพื่อรองรับการทำธุรกรรมขนาดใหญ่ และรองรับธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ ( net settlement ) ในระยะต่อไป เนื่องจากข้อมูลล่าสุดพบว่ามีผู้ลงทะเบียนบัญชีพร้อมเพย์ 44.3 ล้านราย มีเงินโอนรวมกันกว่า 2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นจำนวนกว่า 525 ล้านรายการ วงเงินโอนเฉลี่ยต่ำกว่า 5 พันบาท ซึ่งเป้าหมายต่อไปต้องการให้มีการโอนเงินในวงเงินที่มากขึ้น เพื่อให้ยอดรวมการโอนเงินผ่านพร้อมเพย์มีจำนวนมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายบริการ e -Wallet กับระบบพร้อมเพย์ โดยให้การไฟฟ้า การประปา  มาเชื่อมระบบให้ประชาชนสามารถจ่ายค่าบริการน้ำ ไฟ ผ่านระบบนี้ได้โดยไม่ต้องไปเสียค่าธรรมเนียมที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส คาดว่าเริ่มให้บริการได้อีกใน 2-3 เดือนจากนี้   หลังจากการเปิดให้บริการมาตั้งแต่ 15 ก.ย. พบว่า มีการทำธุรกรรมผ่าน e -Wallet มีรายการสะสมแล้วกว่า 1.9 ล้านรายการ 

“ได้มอบหมายให้ ธปท. ทำหน้าที่สรุปผลงานที่ผ่านและทิศทางในอนาคตเกี่ยวกับโครงการ National e-Payment และให้กรมสรรพากร สรุปเรื่องภาษีอิเล็คทอรนิกส์ว่าจะมีทิศทางอย่างไรในอนาคต มาเสนอในการประชุมครั้งหน้าด้วย” นายอภิศักดิ์ กล่าว

นายอภิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังหารือถึงการพัฒนาระบบเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) ให้สามารถแยกรายการชำระค่าสินค้ากับภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากกันได้ เพื่อเป็นการรอบรับโครงการการคืนภาษีจากการซื้อสินค้าให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือภาษีอื่น ๆ ในอนาคต โดยยอมรับว่าโครงกาคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้มีรายได้น้อย คาดว่าจะทำไม่ทันในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เนื่องจากระบบยังทำไม่เสร็จ จึงคาดว่าน่าจะเลื่อนไปเริ่มได้วันที่ 1 พ.ย.นี้ไปถึงปีหน้าแทน พร้อมกับอาจพิจารณาขยายระยะเวลาโครงการออกไปให้มากกว่า 3 เดือนด้วย เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มากขึ้น

สำหรับความคืบหน้าการทำโครงการบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (อี-โดเนชัน) ปัจจุบันทำได้มา 2 เดือนแล้ว โดยมีคนบริจาคผ่านคิวอาร์โค้ดประมาณ 1 ล้านบาท และบริจาคแบบโอนเงินผ่านบัญชี 78 ล้านบาท และแผนในอนาคตกรมสรรพากรจะปรับระบบให้นำเงินบริจาคไปลดหย่อนภาษีได้ เฉพาะการบริจาคผ่านอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น เพื่อแก้ปัญหาการนำใบอนุโมนาปลอมมาใช้ลดหย่อน รวมถึงการทุจริตเงินบริจาคในวัด แต่โครงการนี้จะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้คงต้องรออีกสักระยะให้ค่อยๆปรับตัวไป  ส่วนระบบการใช้ระบบหักภาษี ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมสรรพากรต่อไป จะมีการส่งเสริมให้คนมาใช้เพิ่มขึ้น โดยอาจจะพิจาณาลดอัตราภาษีให้น้อยลง เช่น จากเดิมเสียกันที่ 1-5% ให้ลดเหลือ 1-2%สำหรับคนที่มาใช้ผ่านอิเล็กทรอนิกส์


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"