'กำนันสุเทพ' แฉข้อเท็จจริงที่ 'จูดี้'ปฏิเสธไม่ได้!


เพิ่มเพื่อน    

30 ส.ค.61 - นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  ไลฟ์สดหัวข้อ"ข้อเท็จจริงที่ "พล.ต.อ.พงศพัศ" ปฏิเสธไม่ได้!"ผ่านเฟสบุ๊กว่า กรณีการกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเกี่ยวกับการจัดจ้าง โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตนได้นำเอกสาร หลักฐานทั้งหมดยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ครบถ้วน  แล้วได้นำมาแสดงให้พี่น้องประชาชนที่สนใจติดตามเห็นจริงทุกอย่าง ครบถ้วน และเชื่อว่าข้อเท็จจริงเหล่านี้พี่น้องสามารถตัดสินได้ด้วยตัวท่านเอง ที่ผ่านมามีการกล่าวหาตนอย่างเป็นขบวนการ ทั้งจากนักการเมืองที่ต้องการจะเอารัดเอาเปรียบทางการเมืองใส่ร้ายป้ายสีในฐานะที่เป็นคู่แข่งทางการเมือง ร่วมมือกับข้าราชการบางคนบางฝ่าย

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ถ้ามองย้อนหลังไปคงจำได้ในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร พล.ต.ท.พงศพัศ  พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ลงแข่งขันกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยได้หยิบเรื่องโรงพักที่สร้างไม่เสร็จ มากล่าวหาว่าเพราะมีการทุจริต  พยายามจะพูดจาให้คนเข้าใจว่าทั้งหมดเป็นความผิดของตน โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในขณะนั้น  เป็นผู้ดำเนินการในการจัดทำสำนวนเรื่องนี้แล้วออกมาแถลงต่อสาธารณชนหลายครั้ง และเป็นที่น่าสังเกตว่าการแถลงข่าวของนายธาริต แถลงข่าวปกป้อง พล.ต.ท.พงศพัศ ว่าไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะที่แถลงข่าวใส่เสื้อหาเสียงหมายเลข 9 ของพรรคเพื่อไทยด้วย

นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ขอเสนอหลักฐานที่เป็นเอกสารทางราชการของสตช. ที่แสดงให้เห็นว่าพล.ต.ท.พงศพัศ  รู้เรื่องและมีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจใช้วิธีการจัดจ้างแบบหนึ่งแบบใด รวมทั้งเรื่องการประกวดราคา การอนุมัติราคา การอนุมัติให้ทำสัญญาจ้างมาโดยตลอด เอกสารชุดแรก มีทั้งหมด 3 – 4 ฉบับ อาทิ วันที่ 30 มี.ค. 2552 แต่งตั้ง พล.ต.ท.พงศ์พัศ เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดทีโออาร์ ว่าด้วยการจัดจ้างโครงการก่อสร้างที่ทำการสถานีตำรวจ โดยมีคำสั่งที่  สตช. 203 / 2552 มอบหมายให้พล.ต.ท.พงศพัศ เป็นประธานคณะกรรมการฯ และมีคำสั่งให้รายงานต่อผบ.ตร. ทราบ เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป เป็นต้น

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ต่อมาเป็นเรื่องที่เสนอให้เปลี่ยนวิธีการจัดจ้างจากที่ แบ่งเป็น 9 สัญญารวมเป็นสัญญาเดียว ซึ่งคนที่ลงนามเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่เรื่องจะถึง พล.ต.อ.ปทีป  ตันประเสริฐ คือ พล.ต.ท.พงศพัศ  โดยสาระสำคัญ คือ ได้เรียนผบ.ตร.พิจารณาแล้ว เห็นควรดำเนินการตามเสนอ แปลว่า  พล.ต.ท.พงศพัศ  เห็นชอบ เห็นควร ให้เปลี่ยนวิธีการจัดจ้าง จากแบบแยกสัญญาเป็น 9 สัญญา มาเป็น สัญญาเดียว

“ผมไม่ได้บอกว่าพล.ต.ท.พงศพัศ ทำผิด แต่เป็นการเอามาชี้แจงให้เห็นว่าที่เขาปฏิเสธว่า ไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย  ทั้งหมดเป็นความผิดของผม และพล.ต.อ.ปทีป มันไม่จริง เพราะจริงๆแล้ว เพราะกว่าจะถึง พล.ต.อ.ปทีป มาก็ต้องผ่าน พล.ต.ท.พงศพัศ มาก่อน” นายสุเทพ กล่าว 

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า  นอกจากนี้ หลังจากที่อนุมัติให้มีการจัดจ้างโดยวิธีการประมูล แบบอีอ๊อคชั่นครั้งเดียว และทำสัญญาเดียว สตช.ก็ไปดำเนินการ มีการประกวดราคา จนได้ผู้รับจ้างและในขั้นตอน ก่อนที่จะอนุมัติราคา ที่ผู้เสนอราคาต่ำสุดในการประมูล ก่อนอนุมัติให้ทำสัญญานั้น มีขั้นตอนหลายขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอน การประกวดราคาแบบอีอ๊อคชั่น และต้องไปตกลง  วงเงินค่าการก่อสร้าง กับสำนักงบประมาณ ทุกขั้นตอนเหล่านั้น ผ่านการเห็นดี เห็นชอบ การตัดสินใจของ พล.ต.ท.พงศพัศ ทั้งสิ้น

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนต้องนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อพี่น้องประชาชน เพราะวันนี้พรรคเพื่อไทยยังดิ้นรนที่จะกล่าวหา ตนไม่ต้องการมาหักล้าง มาต่อสู้ เอาแพ้เอาชนะกับพรรคเพื่อไทย  ที่เอาเรื่องนี้มาบอกประชาชน เพราะจะบอกว่าการทำงานการเมืองในลักษณะนี้เป็นการเมืองที่เรียกว่า การเมืองน้ำเน่า เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น เหยียบหัวคนอื่นเพื่อให้ตัวเองได้ดี  ตนจะไม่ทำอย่างนี้  วันนี้ที่เอามาแสดงไม่ต้องการที่จะกล่าวหาพล.ต.ท.พงศพัศ  เพียงแต่ต้องการทำความจริงให้ปรากฏว่า ขนาดความจริงเป็นอย่างนี้ยังมีการบิดเบือนทางการเมืองอย่างที่เรียกว่าหน้าไม่อาย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เมื่อมาร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) จะไม่ทำงานการเมืองแบบน้ำเน่าแบบนั้น เลิกกันที ที่ไปโต้ตอบกันทีด่ากันไปด่ากันมา และไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"