สามล้อพ่วงอ่าวนางกว่า 100 คัน รวมตัวบุกศาลากลางจังหวัดกระบี่ ยื่นหนังสือประท้วงขอให้รัฐทบทวนคำสั่งห้ามรถจักรยานยนต์พ่วงข้างวิ่งรับ-ส่งนักท่องเที่ยวภายในสิ้นปีนี้ ชี้รถสามล้อพ่วงข้างเป็นวิถีทำมาหากินนาน 18 ปี ขับขี่ปลอดภัย นักท่องเที่ยวชอบใช้บริการ

6 ก.ย.61 - กลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง หรือรถสามล้อในพื้นที่ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ จำนวน 100 คนได้ขับรถสามล้อเดินทางมายังลานด้านหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ผ่าน พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิตติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ โดยตัวแทนกลุ่มคือ นายสมเกียรติ สายนุ้ย ประธานชมรมสามล้ออ่าวนาง เป็นผู้มอบหนังสือให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กระบี่ เป็นตัวแทนผู้ว่าฯรับมอบหนังสือจากชมรม พร้อมทั้งรับปากว่าจะนำเรื่องนี้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงรับทราบเพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาต่อไป

นายสมเกียรติ กล่าวว่า สาเหตุที่พวกตนต้องมายื่นหนังสือในครั้งนี้เพราะอาชีพขับรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง เป็นอาชีพที่ทำมาหากินติดต่อมายาวนาน 18 ปีแล้ว คนขับขี่ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ พวกตนเข้าใจว่ารถที่ใช้รับจ้างเป็นรถผิดกฎหมาย แต่ก็จำเป็นต้องใช้ในการประกอบอาชีพหารายได้เลี้ยงครอบครัว จึงอยากให้รัฐช่วยเหลือด้วยการแก้ไขกฎข้อบังคับ หรือพิจารณาผ่อนปรนเพื่อให้พวกเราได้ประกอบอาชีพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากทำให้ถูกต้อง แต่หากสั่งให้เลิกใช้รถดังกล่าววิ่ง พวกตนก็ไม่มีหนทางจะทำอาชีพอื่น ทำให้ต้องขาดรายได้

ประธานชมรมสามล้ออ่างนาง กล่าวว่า ปัจจุบันสมาชิกในกลุ่มมีจำนวน 140 ราย วิ่งให้บริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่อ่าวนางเท่านั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวชื่นชอบและนิยมเรียกใช้บริการ ที่ผ่านมาก็ไม่สร้างปัญหาให้กับสังคม การขับขี่ปลอดภัยเพราะขับช้าที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุน้อยมาก เมื่อนักท่องเที่ยวจำนวน 3-4 คนมาแบบครอบครัว ก็นั่งด้านในที่มีรั้วเหล็กกั้นไว้ จึงอยากให้ภาครัฐบังคับใช้กฎหมายให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากทางภาครัฐยืนยันที่จะบังคับใช้กฎหมายตามเวลาที่กำหนดจริง พวกตนก็จำเป็นต้องฝ่าฝืนให้บริการต่อไป แม้จะต้องถูกจับดำเนินคดีก็ตาม

ทั้งนี้ คำสั่งให้รถ จยย.แบบสามล้อพ่วงข้าง หยุดให้บริการรับจ้างขนส่งผู้โดยสาร เป็นมติในที่ประชุมคณะทำงานตั้งขึ้นโดย พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช อดีตแม่ทัพภาค 4 ตามแนวทางการจัดระเบียบรถรับจ้างสาธารณะ ซึ่งคณะกรรมการในระดับจังหวัด มีมติให้รถประเภทนี้หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2561 เป็นต้นไป เนื่องจากรถประเภทนี้เป็นรถดัดแปลง เปลี่ยนแปลงสภาพ และนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ตามกฎหมายการคมนาคมขนส่ง ซึ่งก่อนนี้เคยมีการผ่อนผันให้รถประเภทนี้วิ่งให้บริการได้ กระทั่งล่าสุดที่ประชุมมีมติเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่กังวลว่าจะไม่มีอาชีพรองรับ และไม่สามารถหาเงินรายได้ทางอื่นมาเลี้ยงครอบครัวได้